“นีโอ” เตรียมจัด “InterCare Asia 2019” ศูนย์รวมสินค้า-นวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุ ดันไทยสู่ “เมดิคอลฮับนานาชาติ” - Siamtimes.net

Breaking

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Post Top Ad

Responsive Ads Here

นิทรรศการ งานมหกรรม

การสื่อสาร

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2562

“นีโอ” เตรียมจัด “InterCare Asia 2019” ศูนย์รวมสินค้า-นวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุ ดันไทยสู่ “เมดิคอลฮับนานาชาติ”



“นีโอ” เตรียมจัดงาน “InterCare Asia2019” นำสินค้า – นวัตกรรมจัดแสดง หวังเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ “เมดิคอลฮับนานาชาติ” สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน หลังไทยขึ้นแท่น 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางต่างชาติใช้ชีวิตหลังเกษียณ ชี้ความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ศักยภาพทางการแพทย์ส่งผลต่อความเชื่อมั่น และบริการที่ดีของไทย เป็นจุดขายสำคัญ 


นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี.เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) กล่าวว่าประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของประชากร ที่กำลังก้าวเข้าสู่การเป็น “สังคมผู้สูงวัย” (Aged society) อย่างสมบูรณ์และในอีก 20 ปีข้างหน้าสังคมผู้สูงอายุจะโตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า จากปัจจัยของคู่รักที่ไม่นิยมมีบุตร และอัตราการเกิดลดน้อยลง ขณะเดียวกันพบว่าการแพทย์มีการพัฒนามากขึ้น จึงเป็นเหตุผลให้ผู้สูงวัยมีอายุยืน และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย ปี 2561 อยู่ที่10,666,803 ล้าน คิดเป็นร้อยละ 15 จากจำนวนประชากรทั้งหมดของไทยและคาดว่าในปี 2564 จะเพิ่มเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนประชากร ส่งผลให้สถานการณ์ตลาดผู้สูงอายุมีแนวโน้มการเติบโตในกลุ่มธุรกิจที่สอดคล้องกับความต้องการผู้สูงอายุ อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ธุรกิจการท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮมและโฮมแคร์ ธุรกิจความงาม ธุรกิจการวางแผนทางการเงิน เป็นต้น ขณะที่ความต้องการด้านการดูแลรักษาสุขภาพของประชากรโลกก็มีเพิ่มขึ้นเช่นกัน ประกอบกับประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางของคนสูงวัยจากทั่วโลกต้องการเข้ามาท่องเที่ยว พักผ่อน หรือใช้ชีวิตยามบั้นปลาย เนื่องจากไทยตั้งอยู่บนพื้นที่เขตอบอุ่น ไม่หนาว บวกกับความได้เปรียบในเรื่องของ อาหาร เมดิคัลแคร์ เซอร์วิส และการบริการที่ดีเยี่ยมพร้อมกับราคาที่ไม่แพงมาก จึงเป็นโอกาสให้กับประเทศไทย ที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจเชิงสุขภาพ (Wellness Economy) เติบโตเป็น Medical Hub หรือศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ


ตลาดกลุ่มสินค้าและธุรกิจบริการสุขภาพในประเทศไทย มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 107,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาพบว่าตลาดคนไข้ต่างชาติของโรงพยาบาลเอกชนไทยมีผู้ใช้บริการกว่า 3.42 ล้านครั้งในปี 2561 โดยแบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวพร้อมกับรักษาพยาบาล หรือ Medical Tourism 2.5 ล้านครั้ง และกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย หรือ Expat 9.2 แสนครั้ง ตลาดสำคัญยังเป็นลูกค้าชาวเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น เมียนมา กัมพูชา และจีน ซึ่งจะเข้ามาชดเชยรายได้กลุ่มคนไข้จากตะวันออกกลางที่มีจำนวนลดลงต่อเนื่องและมีแนวโน้มหดตัว หากพิจารณาสัดส่วนคนไข้ชาวต่างชาติที่มาใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนไทยพบว่ากลุ่มตะวันออกกลางยังครองส่วนแบ่งสูงสุดที่ 12.5% รองลงมาคือเมียนมา 8.7% สหรัฐอเมริกา 6.2% สหราชอาณาจักร 5% ญี่ปุ่น 4.9% และกัมพูชา 2.2% สะท้อนกำลังซื้อของประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนที่มีศักยภาพและเป็นโอกาสในการรุกตลาดสุขภาพของผู้ประกอบการไทยได้เช่นกัน


นายศักดิ์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน InterCare Asia ได้จัดต่อเนื่องกันขึ้นเป็นครั้งที่ 4 แล้ว และในแต่ละปีก็ได้นำสินค้าและบริการใหม่ๆ เข้ามาจัดแสดงภายในงานอย่างต่อเนื่อง และมีความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐ ที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจสุขภาพและการแพทย์นานชาติ โดยในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานตลอดระยะเวลา 3 วัน มากกว่า 5,000 คน และจะเกิดการซื้อขายภายในงานไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งได้กำหนดจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคม 2562 ณ ฮอลล์ 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา กรุงเทพมหานคร โดยมี กิจกรรมหลัก 3 ส่วน คือ การจัดแสดงสินค้า (Exhibition) การประชุมสัมมนา (Conference) และการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) งานจัดแสดงสินค้าจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 โซน ได้แก่ โซนเวชศาสตร์ฟื้นฟูและอุปกรณ์ที่ใช้ในบ้าน (Rehabilitation & Home Care) โซนบริการของโรงพยาบาลและคลีนิคในการดูแลสุขภาพ (Hospital/Clinic and Care Service) โซนอาหารและอาคารเสริมเพื่อสุขภาพ (Nutritional/Supplement & Healthy Food) โซนผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วไป (General Health & Other) และโซนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Zone SME)


นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงสินค้าและบริการของกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตตามความต้องการของผู้สูงอายุ อาทิ อาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารที่มีไขมันต่ำ ไม่มีคอเลสเตอรอล น้ำตาลน้อยหรือไม่มีเลย และมีส่วนประกอบที่ป้องกัน ลดความเสี่ยงโรคที่เกิดกับผู้สูงอายุ เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน รวมถึงสามารถย่อยได้ง่ายเมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว เป็นต้น รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ภายในบ้าน ซึ่งต้องมีการออกแบบให้เหมาะสมกับลักษณะทางกายภาพ และวิถีการดำเนินชีวิตของกลุ่มผู้สูงอายุที่สภาพร่างกายเริ่มถดถอยด้วยพร้อมทั้งจัดเสวนานำเสนอข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการวางแผนชีวิตของการเป็นผู้สูงอายุให้มีความสุขอย่างยั่งยืน รวมทั้งกิจกรรม Business Matching การจับคู่ทางธุรกิจเพื่อช่วยต่อยอดในการทำธุรกิจ 


นายเดชา โฆษิตธนากร รองประธานสายงานส่งเสริมการค้าการลงทุน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เป็นประเด็นที่หลายประเทศให้ความสำคัญ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งถือเป็นประเทศหนึ่งที่ได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในด้านสังคมและสุขภาพ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจไทย ดังนั้นการจัดงาน InterCare Asia 2019 จึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างการตระหนักรู้ให้กับคนในสังคม และในฐานะพันธมิตรร่วมจัดงาน InterCare Asia 2019 งานแสดงสินค้านวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อผู้สูงอายุ ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เชิญชวนสมาชิกสภาอุตสาหกรรมฯ และผู้ประกอบการทั่วไป เพื่อเข้าร่วมแสดงสินค้า โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ รถเข็น เป็นต้น 

“ภายในงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เชิญสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มาเสวนาวิชาการในหัวข้อ “อาหารสำหรับผู้สูงอายุ (Aging Food)” เพื่อชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการบริโภค และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในด้านอาหารแก่กลุ่มผู้สูงอายุซึ่งตอบสนองต่อการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society)ในปัจจุบันด้วย” นายเดชา กล่าว


นางสาวกนกพร ดำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB กล่าวว่า ทีเส็บมีนโยบายใช้งานแสดงสินค้าเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการเติบโตและการพัฒนาของภาคธุรกิจและเศรษฐกิจในภาพรวม รวมทั้งสนับสนุนงานแสดงสินค้าที่มีการส่งเสริมนวัตกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของนโยบาย “Thailand 4.0” รวมทั้งสนับสนุนงานใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักของนโยบาย 4.0 งาน InterCare Asia 2019 ที่มีเนื้อหาสาระสอดคล้องกับอุตสาหกรรม Health and Wellness และ Medical Integrated Service ของนโยบาย 4.0 จึงเป็น 1 ในงานเป้าหมายของการสนับสนุนจากทีเส็บ และเชื่อมั่นว่าผู้จัดงานและผู้เกี่ยวข้องจากทุกฝ่ายจะสามารถผลักดันให้งาน InterCare Asia เป็นกลไกของการช่วยยกระดับอุตสาหกรรม Health and Wellness และ Medical Integrated Service ของไทยให้มีมาตรฐานก้าวไกลตอบสนองตลาดโลกได้ต่อไป

สำหรับการจัดงาน InterCare Asia 2019 ในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคม 2562 ณ HALL 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://intercare-asia.com/ หรือโทร 02-203-4241-4


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad

Responsive Ads Here