เที่ยวน้ำหนาว ของชาวหล่มสัก ชมสามภู นอนดูดาว รับลมหนาวที่ภูฮี - Siamtimes.net

Breaking

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Post Top Ad

Responsive Ads Here

นิทรรศการ งานมหกรรม

การสื่อสาร

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เที่ยวน้ำหนาว ของชาวหล่มสัก ชมสามภู นอนดูดาว รับลมหนาวที่ภูฮี



ทันทีที่ได้ยิน ว่าจะได้ไปเยือน น้ำหนาว ที่ที่เราเคยได้ยินมาช้านาน รออยู่ว่าเมื่อไรจะมีโอกาสได้ไปเสียที จินตนาการเอา ว่า อยากไปยืนจับไอหมอก จิบกาแฟ เคล้ากับลมหนาวท่ามกลางขุนเขา สักครั้งหนึ่ง หน้าฝนนี้ความฝันของนักเดินทางอย่างเรามีความหมายเพราะได้เป็นจริงเสียที ตื่นเช้ามา เจอเมืองในฝันของนักท่องเที่ยวหลายคน ที่เป็นตำนานของเมืองหนาวที่ต้องไปเยือน เริ่มวันใหม่ด้วย......ไอหมอกพลิ้วไหว ล่องลอยพักโบกไปมา ผ่านหน้าไปอย่างสดชื่น อีกทั้ง ยามเมื่อลมฝนโปรย ละอองเล็ก ๆ ชุ่มฉ่ำเย็นใจ ให้เราชิลล์ไปกับบรรยากาศทิวเขาและเมฆฝนบนฉากขาวและเย็นฉ่ำ สวรรค์น้อยๆ ของนักเดินทาง เริ่มต้นขึ้นแล้ว.... 


จังหวัด เพชรบูรณ์ อาจจะเป็นชื่อที่มาทีหลัง ของคำว่า น้ำหนาว และภูทับเบิก และที่สำคัญวันนี้ “ภูทับเบิก” เป็นชื่อแรกที่ เชื่อว่า นักท่องเที่ยวสายเมืองหนาว น่ารู้จักกันดีกว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เมืองแม่เสียอีก ภูทับเบิก ถูกรู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวสายชิลล์เป็นอย่างดี แถมติดอันดับอินเทรนด์ เสียด้วยในความคิดของเรา แต่กลับเป็นเมืองรองของแหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทยน่าเสียดายจริง แต่เมื่อมาเยือนแล้ว ด้วยแหล่งท่องเที่ยว หลากหลายรูปแบบ ทั้งภูเขา น้ำตก สัตว์ป่า ถ้ำนานา ป่าเขา ลำเนาไพร ในใจเลยขอมอบให้เป็นเมืองอันดับหนึ่ง ที่ต้องห้ามพลาดน่าจะดีกว่า 


ในอดีตเพชรบูรณ์ เคยเกือบจะได้เป็นเมืองหลวงของประเทศ และที่สำคัญคือ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูฝนเช่นนี้ก็ยิ่งมีเสน่ห์ชวนหลงใหลมากยิ่งขึ้น ทั้งยังได้รับการจัดตั้งให้เป็นอุทยานธรณีเพชรบูรณ์ (Phetchabun National Geopark) ที่มีมากถึง 43 แหล่ง แยกเป็นแหล่งทางธรณีวิทยา 22 แหล่ง คือ 1.ถ้ำใหญ่น้ำหนาว 2.แคนยอนน้ำหนาว 3.น้ำตกตาดใหญ่ 4.ผารอยตีนอาร์โคซอร์ 5.เลยดั้น 6.ผาแดง 7.ถ้ำผาหงส์ 8.สะพานห้วยตอง 9.ชั้นหินแบบฉบับ หมวดหินน้ำดุก 10.กระดูกโปร ซอโรพอด 11.โนนหัวโล้น แคนยอนหล่มสัก 12.โคกเดิ่นฤาษี 13.น้ำก้อ-น้ำชุน 14.ห้วยร่อนทอง 15.น้ำตกธารทิพย์ 16.ปลาน้ำจืด 15 ล้านปี บ้านหนองปลา 17.ปลาน้ำจืด 15 ล้านปี บ้านท่าพล 18.ไม้กลายเป็นหิน 19.สุสานหอยน้ำจืด 20.หินกรวดมน บ้านนางั่ว 21.คตข้าวสาร สำนักสงฆ์เต็มสิบ และ 22.อุกกาบาตร่องดู่ โดยมีแหล่งทางธรรมชาติ 9 แหล่ง ได้แก่ 23.ผาสวรรค์ 24.ผารอยพระบาท 25.น้ำตกถ้ำค้างคาว 26.น้ำตกพรานบา 27.น้ำตกวงพระจันทร์ 28.ป่าเปลี่ยนสี 29.เส้นทางเดินป่าน้ำหนาว 30.น้ำตกวังหินลาด 31.น้ำตกตาดหมอก 32.วัดห้วยสนามทราย 33.ศาลเจ้าพ่อผาแดง 34.อนุสรณ์เมืองราด 35.วัดท่ากกแก 36.พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์ 37.อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง 38.ถ้ำฤาษีสมบัติ 39.เสาหลักเมืองนครบาลเพชรบูรณ์ 40.พุทธอุทยานเพชบุระ 41.อุทยานวิทยาศาสตร์หนองนารี 42.หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย 43.ศาลหลักเมืองเพชรบูรณ์ (UNESCO ได้ให้คำกำจัดความไว้ก็คือ ‘เป็นพื้นที่ที่รวมแหล่งและสภาพภูมิประเทศที่มีความสำคัญทางธรณีวิทยาในระดับนานาชาติ ได้รับการบริหารจัดการแบบองค์รวม มีการอนุรักษ์ ให้การศึกษา และพัฒนาอย่างยั่งยืน มีการเชื่อมโยงมรดกทางธรณีวิทยาเข้ากับธรรมชาติวิทยา วัฒนธรรม วิถีชีวิต เป็นการร่วมมือกันจากหน่วยงานรัฐ ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น จนถึงชาวบ้าน) เรียกว่าสถานที่ น่าไปเยือนเหล่านี้ ดึงดูดให้การมาเที่ยวชมน่าสนใจมากยิ่งขึ้น 


การมาเยือนเพชรบูรณ์ในครั้งนี้จึงเป็นการท่องเที่ยวที่แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะเจ้าภาพจากสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แนะแผนเที่ยวให้สนุกครบถ้วยภายใน 3 วัน และที่เที่ยวที่ควรไปชม โดยให้เราเริ่มต้น ศึกษาและเรียนรู้ถึงความเป็นมาของสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ควบคู่ไปกับวิถีการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน เรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณี ผืนดิน สัตว์ป่า ต้นไม้ ดอกไม้ ภูเขา ผ่านคำบอกเล่าเรื่องราวจากชุมชนได้อย่างสนุกสนาน เพราะพวกเขาเล่าถึงการเป็นอยู่ของตัวเองได้อย่างภูมิใจในทรัพยากรที่พวกเขามีและหวงแหน หากวางแผนเที่ยว ภูทับเบิก และน้ำหนาว คราวต่อไป จะได้เพิ่มที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ เข้าไปเพิ่มเติม 


เริ่มต้นสำรวจเมืองกันที่ พิพิธภัณฑ์หล่มสัก (Lomsak Museum) หนึ่งในอุทยานธรณีเพชรบูรณ์ ตัวอาคารสีส้มสไตล์โคโลเนียล ภายในแบ่งส่วนจัดแสดงถึง 10 ห้องให้แขกผู้มาเยือนทำความรู้จักวิถีไทหล่มในอดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านห้องประชาสัมพันธ์, ห้องภาพยนตร์ที่จะนำเสนอความเป็นมาสั้นๆ ของหล่มสักในแบบ 360 องศา และจำลองเมืองออกมาในรูปแบบ 3 มิติ , ห้องหล่มสักในอดีต จำลองภาพอดีตของร้านค้า ร้านกาแฟ โรงหนัง ร้านตัดผมฯ, ห้องเสน่ห์เมืองหล่มสัก จัดแสดงอาชีพของชาวหล่มในอดีตอย่าง อาชีพขับสามล้อถีบ และอาชีพตีมีด, ห้องหล่มสักเมื่อวันวาน, ห้องจังหวัดหล่มสัก แสดงหุ่นขี้ผึ้งเจ้าเมืองหล่มสัก พระสุริยวงษา (เทศ สุวรรณภา), ห้องวัฒนธรรมล้านช้าง จำลองประเพณีการแข่งเรือลาพรรษา งานบุญบั้งไฟแห่ต้นผึ้ง งานขนมเส้นหล่มเก่า ของชาวหล่มสัก, ห้องไทหล่ม ที่จะได้รู้จักกับลาวพุงขาวคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่, ห้องของกินบ้านเฮา จำลองอาหารพื้นบ้านอย่าง ขนมจีนเส้นสด ไส้กรอกหล่มเก่า อองปูปิ้ง ขนมเทียนแก้ว และห้องเฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน จัดแสดงการจำลองอาชีพของคนไทหล่ม เช่น การร่อนทองคำโดยกระทะเหล็กร่อน และตำนานมะขามหวานปากดุก อันโด่งดัง (เข้าชมฟรี เปิดให้บริการวันพุธ-ศุกร์ วันละ 4 รอบ ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. วันเสาร์ เวลา 17.00-21.00 น. หยุดวันอาทิตย์, วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 056-701333) 


ส่วนทางด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์คือ ถนนคนเดินไทหล่ม (Lomsak Walking Street) หนึ่งในถนนคนเดินที่ต้องห้ามพลาด ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก บริเวณหอนาฬิกาใจกลางเมืองหล่มสัก เปิดทุกวันเสาร์ เวลา 17.00-23.00 น. จะมีกิจกรรมที่สอดแทรกวัฒนธรรมประเพณีของชาวหล่มสัก จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ของฝาก ของที่ระลึก สินค้าแฮนด์เมด และอาหารท้องถิ่น อาทิ ขนมจีนไทหล่ม ปิ้งไก่ข้าวเบือ ข้าวหลามพญาลืมแกง ฯลฯ ชมสาธิตการตีมีดโบราณ จากกลุ่มตีมีดบ้านใหม่ ที่มีบรรพบุรุษเป็นช่างฝีมือจากชาวเวียงจันทน์มานานนับ 100 ปี การทอผ้ามุก ศิลปะท้องถิ่นของคนไทหล่ม การแสดงดนตรีพื้นบ้าน การเดินทางที่มีเสน่ห์ และความสุขอย่างหนึ่งที่ลืมไม่ได้คือ ควรจะแวะ หาอาหารท้องถิ่นชิมกัน รสชาติแปลกใหม่ ของอาหารบางอย่าง บางครั้ง ก็ทำให้เรานึกถึงพวกเขาได้อย่างไม่รู้ลืม 


เช้าวันต่อมา เราตื่นตากับถนนบนทางหลวงหมายเลข 12 หล่มสัก-ชุมแพ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 374 แวะจุดชมวิวทิวทัศน์ตามธรรมชาติ “สะพานพ่อขุนผาเมือง” หรือสะพานห้วยตอง สะพานเชื่อมแผ่นดินระหว่างภูเขาที่อยู่ใกล้กับที่ราบที่เป็นแนวรอยต่อระหว่างแผ่นดินภาคเหนือ-กลาง ทางตะวันตก และแผ่นดินภาคอีสานทางตะวันออก ชมภูมิประเทศที่หลงเหลือจากการเคลื่อนตัวเข้าหากันของเปลือกโลกอนุทวีปอินโดไชน่า (Indochina Micro Plate) ฝั่งตะวันออก กับอนุทวีปชาน-ไทย (Shan-Thai Micro Plate) ฝั่งตะวันตก เมื่อ 280 ล้านปีที่ เป็นสะพานที่มีตอม่อสูง 50 เมตร สูงที่สุดในประเทศไทย ยาว 180 เมตร มีรัศมีโค้งยาว 200 เมตร สามารถมองเห็นทางน้ำที่อยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจนจากบริเวณกลางสะพาน มีจุดชมวิวได้ทั้ง 2 ฝั่งของสะพานไม่ห่างกันนัก เราสามารถเดินทางไปยัง ผาแดง แหล่งรอยเลื่อนขอบเปลือกโลกอีกหนึ่งแห่ง บริเวณบนเขาริมทางหลวง 12 ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก ผืนป่าแห่งนี้สามารถเห็นป่าเปลี่ยนสีในช่วงต้นปีได้ชมรอยเคลื่อนตัวเข้าหากันของเปลือกโลก ณ จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกถ้ำผาหงส์ 


ก่อนที่พระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า สิ่งสำคัญของวันกำลังจะหมดไป เราแวะที่จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกถ้ำผาหงส์ ณ เขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ตำบลปากช่อง อำเภอหล่มสัก หนึ่งในสถานที่ Unseen ที่ต้องแวะ นอกจากเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งแล้ว การต้องเดินขึ้นบันไดไปยังจุดชมวิวถึง 259 ขั้นก็ยังท้าทายไม่น้อยให้หนุ่มสาว ก้าวเท้าไปอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย 


จากนั้นเดินทางเพื่อพบกับสิ่งที่รอคอย “อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว” อุทยานแห่งชาติแห่งที่ 5 ของประเทศ เป็นอุทยานที่ สวยที่สุดแห่งหนึ่ง กั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเทือกเขา ป่าดงดิบเขา ป่าสนเขา ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง เป็นรอยต่อของพื้นที่อนุรักษ์อย่าง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง อุทยานแห่งชาติตาดหมอก และอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน มีสัตว์ป่ารวมทั้งสัตว์หายากอย่าง ค้างคาวมงกฎหูโตมาร์แชล และค้างคาวไอ้แหว่งน้อย นกหายากอย่าง นกขุนแผนหัวแดง นกปีกลายสก็อต นกขมิ้นท้ายทอยดำ นกติดสุลต่าน นกกะรางหัวหงอก และนกหัวขวานใหญ่หงอนเหลือง รวมกว่า 340 ชนิด อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ 25 องศา ที่นี่จึงหนาวเย็นตลอดปี ในเดือนสิงหาคม ปลาย ๆ เดือน ยังมีอุณหภูมิต่ำ ประมาณ 16-19 องศาให้เย็นฉ่ำกันในยามเช้า และค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นตามลำดับเมื่อรับกับแสงพระอาทิตย์นั่นเอง

สำหรับผู้ที่สนใจอยากมาพักค้างแรมชมธรรมชาติ มีบริการบ้านพักหลากหลายรูปแบบ สามารถติดต่อสอบถามและสำรองที่พักได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ 67260 โทรศัพท์ : 081-962-6236 ศูนย์บริการฯ โทรศัพท์ : 061-042-8234 หรือ E-mail : Namnao_np@hotmail.com 


วันต่อมาเข้าชม ถ้ำใหญ่น้ำหนาว หรือภูน้ำริน บ้านห้วยลาด ตำบลหลักด่าน อำเภอน้ำหนาว ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย สูง 955 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทางเข้าถ้ำเป็นผาหินปูนวางตัวแนวตะวันออก-ตะวันตก ตัวถ้ำทอดลึกเข้าไปในภูเขากว่า 10.6 กิโลเมตร ภายในถ้ำมีหินย้อยจากเพดานจำนวนมาก บางส่วนเกิดจากการตกผลึกของแร่คาลไซต์หรือหินปูนผลึกงอกขึ้นมาจากพื้นถ้ำ รูปร่างต่างกันไป บนภูเขาพบซากฟอสซิลหอย ปะการัง และฟิวซูลินิด (Fusulinids) สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่เคยอาศัยอยู่ในทะเลบนโลกที่สูญพันธุ์ไปแล้ว แสดงถึงวิวัฒนาการของเปลือกโลกในยุคเพอร์เมียน (280-240 ล้านปี) 


แวะมาเจอกับชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกมน อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ (บ้านไร่คุณนงลักษณ์) ที่นี่มีความมหัศจรรย์ของเปลือกโลกที่เรียกว่า "แกรนด์แคนยอนน้ำหนาว" เป็นหน้าผาหินทรายสีน้ำตาลแดงที่มีการวางตัวชั้นหินอยู่ในแนวราบขนาดกว้างใหญ่และสูงชัน รายล้อมด้วยผืนป่า สันนิษฐานว่าเกิดจากการที่ผืนโลกยกตัวสูงขึ้นจากแรงดันอันมหาศาลภายใต้พื้นโลก เกิดลำธารไหลผ่านพัดทรายและตะกอนไปตามน้ำ กัดเซาะลึกลงไปในเปลือกโลก สึกกร่อนจนแผ่นหินพังทลายลงไปด้านล่าง ผนวกกับแรงลมและแสงแดดที่ผ่านมาหลายล้านปี (ราวๆ 280 ล้านปี) กลายเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ มีลักษณะโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม บริเวณหน้าผาโดยเฉพาะในฤดูฝนจะมีน้ำไหลตกจากหน้าผาหลายแห่ง เป็นสถานที่สวยงามติดหนึ่งในสี่ของ "อุทยานธรณี Geoparks" รูปการ์ตูนสัตว์ดึกดำบรรพ์ 4 ชนิด ได้แก่ Archosaur, Gastropod, Fusulinid และ Prosauropod ยืนบนแผ่นอนุทวีป 2 แผ่นที่เคลื่อนตัวเข้าหากัน เพื่อการประชาสัมพันธ์ Phetchabun Geopark 28 


จากหมู่บ้านห้วยหญ้าเครือสู่..........ศูนย์เรียนรู้และบริการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านห้วยหญ้าเครือ  ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่หนาวที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ ตามสโลแกน “ชวนชมสามภู นอนดูดาว รับลมหนาว ณ ห้วยหญ้าเครือ หากว่าตัวเลขอุณหภูมิความเย็น ของน้ำหนาวเหลือตัวเลขเดียว ที่นี่ ก็จะลงต่ำกว่ากว่าน้ำหนาวอีก แม่คะนิ้งบนลานหินและพืชพรรณ เป็นภาพศิลปะยามเช้า ที่นักท่องเที่ยวเฝ้ารอให้มาทักทาย หลังผ่าน ค่ำคืนอันหนาวเย็นและทิ้งเอาไว้เป็นภาพความทรงจำ จนกว่าจะเลือนหายไปในแต่ละวัน 


ที่นี่เป็นชุมชน ปฐมภูมิ คือส่วนใหญ่เป็นเครือญาติกัน แล้วแตกออกมาเป็นครอบครัว มารวมตัวกันพัฒนาชุมชนในเชิงอนุรักษ์ได้อย่างน่าประทับใจ ผู้นำชุมชน พาเรา นั่งรถอีแต๊กไปตามทางขึ้นเขาเพื่อชมวิวทิวทัศน์ จุดชมวิวภูฮี แบบ 360 องศา เป็นไฮไลท์เด็ดที่ห้ามพลาด สามารถมองเห็น 3 ภู คือ ภูกระดึง ภูผาจิต และภูหอ จังหวัดเลย เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ชุมชนบ้านห้วยหญ้าเครือจัดให้มีขึ้นใกล้กันมีลานหินโคกลาดหรือลานหินสามสี ที่เป็นแหล่งศึกษาสภาพภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์หลากหลายทางชีวภาพ บนลานหินจะพบพืชตระกูลเฟิร์นและมอสขึ้นปกคลุมคล้ายพรมผืนใหญ่ มีกล้วยไม้พันธุ์ม้าวิ่ง ต้นปราบดอย และข้าวตอกฤาษีที่หาดูได้ยากเหมือนพรมปูลาดบนลานหิน สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลเมื่อเหยียบย่างเส้นทางท่องเที่ยวที่จัดขึ้นโดยชุมชนนี้ยังสามารถแวะเที่ยวน้ำตกถ้ำค้างคาวเพิ่มเติมได้อีก 


มื้อเที่ยงแวะพักรับประทานอาหารกลางวัน ปูเสื่อนั่งกันกลางป่า ดริปกาแฟจากกระบอกไม้ไผ่ที่ตัดสดๆ บริเวณลานหินริมน้ำตกที่อยู่ใกล้กันได้อย่างสนุกสนาน เป็นมื้อที่อิ่มอร่อย ท่ามกลางธรรมชาติริมน้ำตก กินแบบไม่ทำลายธรรมชาติ และอนุรักษ์ธรรมชาติไปพร้อมกัน สนใจการเดินทางท่องชุมชน สามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวที่โทร. 085-736-0080 ค่าบริการรถอีแต๊กคนละ 250 บาท หรือรวมอาหารคนละ 350 บาทอิ่มหนำสำราญใจกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แล้ว 


เดินทางต่อกัน ระหว่างทางอยากให้แวะชิมกาแฟ ที่ตำบลโคกมน อำเภอน้ำหนาวยังมีร้านกาแฟดูแลป่าเล็กๆ ที่ชื่อ ทูนคอฟฟี่ (Tune Coffee Namnao Arabica) ที่เป็นจุดศูนย์รวมวิสาหกิจชุมชนกาแฟอราบิก้าน้ำหนาว ผลิตกาแฟอราบีก้าอาร์โคซอร์ ตราอุทยานธรณีเพชรบูรณ์ หอมเข้มข้น แต่คาเฟอีนต่ำ โดยเฉพาะกาแฟ dip ที่ขึ้นชื่อลือชา ขมลิ้น แต่หวานชื่นใจเมื่อดื่มน้ำเย็นตาม และตรงใจกับเรามากที่สุดเห็นจะเป็นเพราะเจ้าของร้านกาแฟ มาดแมน คุณทูน คนนี้ เธอบอกว่า “ชีวิตเราไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ เหลืออย่างเดียวคือกาแฟ ที่เป็นความสุขเล็ก ๆ นี่แหละ” อราบิก้า คาเฟอีนต่ำ ที่ปลูกด้วยใจ จึงช่างมีความหมายต่อชีวิตยิ่งนัก 


เหลือเวลาอีกไม่มากก่อนจะค่ำ อยากให้แวะทักทายผู้เฒ่า ผู้แก่ ผู้ใจดี ที่รวมตัวกันอนุรักษ์การทอผ้าลายเอกลักษณ์ของชาวไทหล่ม นั่นก็คือ ผ้าทอหัวแดงตีนก่า ที่นับวันจะเลือนหายไปแล้ว ที่กลุ่มทอผ้าศรีสองคร บ้านติ้ว ช่วยกันซื้อกลับบ้าน เพราะนอกจากจะได้ผ้าผืนที่มีลวดลายเป็นอัตลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวไทหล่มติดไม้ติดมือกลับบ้านแล้ว ผู้เฒ่ายังเล่าได้อย่างภูมิใจในวัฒนธรรมผ้าที่ยังหลงเหลือไว้ ที่สำคัญได้คนรุ่นใหม่มาสืบทอดความภูมิใจนี้เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มากนักก็ตาม 

หน้าฝนนี้ ............หรือจะปลายฝนต้นหนาวนี้ อยากให้ทุกคนได้เปิดโลกกว้าง หาวันว่าง ไปเยือนน้ำหนาว ภูทับเบิก กันสักครั้ง แวะชมของดีเมืองเพชรบูรณ์ หลากหลายรูปแบบ แวะไปชิม แวะไปชิลล์ แบบไม่ต้องแออัดกันดีกว่า แต่ถ้าอยากหนาวแบบมีเพื่อนร่วมทางอย่างหนาแน่น ก็ไม่ว่ากัน ร่วมเดินทาง เชคอิน บันทึก ชื่อสามภู สามขุนเขาแห่งน้ำหนาว และ ภูทับเบิก ไว้ในแอฟของเรา เป็นความสุข ความทรงจำเล็ก ๆ เมื่อครั้งไปเยือน จะเลือกเอาลงเฟสบุ้ค หรืออินสตาแกรม ก็ตามแต่ถนัด ก็แล้วกัน ที่สำคัญอย่าลืมแชร์...... #เมืองที่น่านอนหนาว# เมืองที่น่านอนดูดาวอันดับหนึ่งของประเทศไทย

ขอขอบคุณ : สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบูรณ์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad

Responsive Ads Here