จากกรณี น.ส.เขมจิรา วงศ์ศิริปภากุล อายุ 30 ปี เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.เสม็ด จ.ระยอง อ้างว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อรักษาโรคเอสแอลอี หรือ โรคพุ่มพวง เนื่องจากแพทย์ได้ตรวจพบชิ้นเนื้อไต ภายหลังจากการรักษาเจ้าหน้าที่พยาบาลได้ปล่อยให้ทิ้งอยู่ในห้องรักษานานถึง 45 นาที ปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมาตลอดเวลาโดยไม่มีผู้ดูแล และปิดปากแผลผ่าตัดไม่ถูกจุดทำให้อักเสบจนติดเชื้อ ต้องรักษาตัวนานกว่า 1 เดือน เสียเวลาการทำงาน เคยร้องเรียนไปยัง รพ.ดังกล่าวแล้ว ให้คำตอบว่าจะให้ Gift Voucher หากเข้ามารักษาพยาบาล
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม เจ้าหน้าที่ รพ.พญาไท 2 โดยได้ชี้แจงพร้อม หลักฐานว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่พยาบาลทุกคนได้รักษาคนไข้ตามหลักมาตรฐาน ทาง รพ.ไม่ได้ปล่อยให้คนไข้เลือดไหลนานกว่า 45 นาทีเพราะจะส่งผลให้คนไข้ช็อคหมดสติ ซึ่งภาพที่คนไข้ปล่อยแขนห้อยลงมาให้เลือดไหลนั้นถือว่าผิดวิสัยแล้ว โดยหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทาง รพ.ได้มีการนำเรื่องราวทั้งหมดมาทบทวนก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดไปจากมาตรฐานที่เราปฏิบัติ โดยได้เช็คแม้กระทั่งการเปิด-ปิดน้ำเกลือ คุณสมบัติของเจ้าที่ที่ดูแลคนไข้ ซึ่งทุกคนมีคุณสมบัติเหมาะสม โดยเฉพาะคนที่แทงน้ำเกลือเป็นพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านแทงน้ำเกลือโดยเฉพาะ แต่ภาพที่เห็นเป็นพลาสเตอร์ที่หลุดอาจเป็นเพราะการดึงออกเอง และเลือดที่หยดออกมาก็เป็นเลือดที่ผสมกับน้ำเกลือ
เจ้าหน้าที่ รพ.พญาไท 2 กล่าวอีกว่า ก่อนหน้าทาง รพ.ได้มอบบัตรกำนัลตรวจสุขภาพให้ แต่คนไข้เรียกค่าเสียหายมากถึง 10 ล้านบาทซึ่งอาจมีเจตนาต้องการแบล็กเมล์เรียกค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นทาง รพ.ได้ไปแจ้งความที่ สน.พญาไท ไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ ที้งนี้ทาง รพ.ไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิด ทั้งนี้ได้ตรวจสอบประวัติของคนไข้พบมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ถึง 5 ครั้ง
ขณะที่โลกออนไลน์มีการตั้งข้อสังเกต ว่า น.ส.เขมจิรา มีการแจ้งความบ่อยครั้ง พร้อมระบุด้วยว่ามีการใช้ชื่อคนละชื่อในการแจ้งความ
การกระทำครั้งนี้ พยาบาลบอกว่า รู้สึกไม่สบายใจ หากเจอคนไข้แบบนี้มากๆ พยาบาลต้องใช้เวลาตรวจสอบและเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ทำให้เสียเวลาคนไข้คนอื่นอีกด้วย🙏
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น