อรูบ้า ( Aruba ) เปิดตัวผลิตภัณฑ์สวิตช์รุ่นใหม่ เพียบพร้อมด้วยความสามารถรอบด้านครบวงจร ครอบคลุมการใช้งาน ทั้งระบบเครือข่ายภายในองค์กรธุรกิจ สาขา และดาต้าเซ็นเตอร์ - Siamtimes.net

Breaking

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Post Top Ad

Responsive Ads Here

นิทรรศการ งานมหกรรม

การสื่อสาร

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2562

อรูบ้า ( Aruba ) เปิดตัวผลิตภัณฑ์สวิตช์รุ่นใหม่ เพียบพร้อมด้วยความสามารถรอบด้านครบวงจร ครอบคลุมการใช้งาน ทั้งระบบเครือข่ายภายในองค์กรธุรกิจ สาขา และดาต้าเซ็นเตอร์



อุปกรณ์สวิตช์ตระกูล CX รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแบบ Cloud-Native สามารถทำการผสานระบบเพื่อทำงานโดยอัตโนมัติและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างครบวงจร เปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ให้บริการระบบเครือข่ายให้ง่ายดายยิ่งขึ้น

กรุงเทพมหานคร – 12 ธันวาคม 2019 – วันนี้ อรูบ้า บริษัทในเครือฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ (NYSE: HPE) ได้ออกมาประกาศว่าอรูบ้ากำลังเปลี่ยนแปลงกฎของระบบเครือข่ายด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมของอุปกรณ์สวิตช์และซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะทางของระบบเครือข่ายในองค์กรธุรกิจ สาขา และดาต้าเซ็นเตอร์สมัยใหม่ในทุกวันนี้ โดยผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล Aruba CX ได้มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์สวิตช์แบบตายตัว Aruba CX 6300 Series และผลิตภัณฑ์สวิตช์แบบโมดูลาร์ Aruba CX 6400 เข้ามาในฐานะของ Aggregation Switch และ Core Switch อีกทั้งยังมีการเพิ่มนวัตกรรมล้ำสมัยล่าสุดเข้าไปยังระบบปฏิบัติการ AOS-CX ด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ให้บริการระบบเครือข่ายมีระบบสวิตช์ครบวงจรเพียงระบบเดียวที่บริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย ซึ่งสามารถเร่งสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจได้อย่างมากมายยิ่งขึ้นสำหรับทั้งปัจจุบันและอนาคต


อรูบ้าเป็นบริษัทแรกที่นำเสนอแพลทฟอร์มสวิตชิ่งซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการที่ทันสมัยอย่าง AOS-CX สำหรับระบบเครือข่ายส่วนเชื่อมต่อไปจนถึงศูนย์กลางและดาต้าเซ็นเตอร์ แพลทฟอร์มแบบ Cloud-Native โดยเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์นี้ยังได้ถูกปรับปรุงประสิทธิภาพให้สูงยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการใช้เทคโนโลยี Network Analytics Engine (NAE) อันทรงพลังของอรูบ้า ที่นำความสามารถในการทำงานแบบอัตโนมัติและระบบวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งมีอยู่ภายในมาช่วยให้การบริหารจัดการง่ายดายยิ่งขึ้น และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งสำหรับปัญหาในเชิงประสิทธิภาพของระบบแอปพลิเคชันและปัญหาทั่วไปที่เกิดขึ้นภายในระบบเครือข่าย

“ระบบการทำงานแบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้จะต้องเป็นหัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ตั้งแต่ปลายทางของเครือข่ายไปจนถึงคลาวด์ และเพื่อให้เทคโนโลยีดังกล่าวนี้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ระบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะถือเป็นรากฐานที่สำคัญ” คุณ Keerti Melkote ประธานและผู้ก่อตั้งของอรูบ้า บริษัทในเครือฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ตเอ็นเตอร์ไพรส์กล่าว “เราเชื่อว่า AI คือกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล, นำเสนอองค์ความรู้ที่พร้อมนำไปใช้งาน และการทำงานโดยอัตโนมัติสำหรับระบบเครือข่ายขนาดใหญ่เพื่อเสริมความสามารถของผู้ให้บริการระบบเครือข่ายให้สามารถตรวจสอบแก้ไขปัญหา, บรรเทาปัญหา และป้องกันปัญหาซึ่งเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดส่วนหนึ่งของงานทางด้าน IT วิสัยทัศน์ของเราต่ออนาคตนั้นก็คือสถาปัตยกรรมแบบ Cloud-Native ที่จะสามารถทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว และนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ได้ ซึ่งการเปิดตัวในวันนี้ก็คือก้าวสำคัญอันจะนำไปสู่ทิศทางนั้นได้สำเร็จ”

Justin Chiah ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปแห่งอรูบ้าประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวไว้ว่า “ด้วยระบบเครือข่ายหลักของธุรกิจ, สาขา และดาต้าเซ็นเตอร์ทำงานร่วมกันในฐานะของรากฐานสำคัญที่จะขับเคลื่อนดิจิทัลแพลทฟอร์มซึ่งองค์กรธุรกิจที่ทันสมัยในทุกวันนี้ต้องใช้งาน การประกาศในวันนี้ได้แสดงให้เห็นถึงการที่อรูบ้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถจัดการกับกระบวนการทำงานที่หลากหลาย, ระบบเครือข่ายล้าสมัยที่มีอยู่เดิม และประเด็นด้านการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในระบบเครือข่าย เพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างบริการต่าง ๆ อย่างไร้รอยต่อในยุคสมัยแห่ง Edge-Cloud ด้วยการออกแบบด้วยแนวคิด Cloud-Native ความสามารถของ Aruba AOS-CX ได้รวมเอาการทำงานโดยอัตโนมัติและความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูงเอาไว้เพื่อให้นำเสนอข้อมูลต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที เพิ่มความมั่นคงทนทานและความยืดหยุ่น และทำให้องค์กรธุรกิจสามารถเลือกใช้งานการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดต่อความต้องการเฉพาะทางได้ แนวทางนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับองค์กรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ซึ่งต้องการยกระดับความสำคัญให้กับระบบเครือข่ายที่รองรับต่อการใช้งานในอนาคตได้ท่ามกลางช่วงเวลาที่ดิจิทัลกำลังแผ่ขยายไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง”

ทุกวันนี้ องค์กรธุรกิจไม่อาจคงความสามารถในการแข่งขันได้ด้วยการมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและมีแบนด์วิดธ์ที่มากขึ้นเท่านั้น แต่องค์กรธุรกิจสมัยใหม่นั้นต้องการสถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัยซึ่งสามารถตรวจสอบความถูกต้องในการทำงานและปรับแต่งการทำงานได้ด้วยตนเองเพื่อให้การทำงานเป็นอย่างอัตโนมัติครบวงจร สามารถช่วยสนับสนุนระบบแอปพลิเคชั่นที่มีความสำคัญสูงได้อย่างชาญฉลาด ปกป้องเครือข่ายจากการโจมตีรูปแบบใหม่ ๆ และสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรธุรกิจในปัจจุบัน จนถึงตอนนี้ ผู้ให้บริการเครือข่ายก็ยังคงต้องต่อสู้กับสถาปัตยกรรมที่ไม่ยืดหยุ่นและไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องบริหารจัดการออฟฟิศสาขา, ระบบเครือข่ายหลักขององค์กรธุรกิจ และดาต้าเซ็นเตอร์ร่วมกัน สถาปัตยกรรมเหล่านี้ต้องอาศัยกระบวนการที่ผู้ดูแลระบบต้องลงมือจัดการเองบนระบบปฏิบัติการที่หลากหลาย ส่งผลให้เกิดการกระจายตัวของระบบปฏิบัติการ และการที่ระบบเครือข่ายไม่อาจตอบสนองต่อความสามารถในสมัยใหม่ และข้อมูลอันไร้ระเบียบปริมาณมหาศาลที่ไม่สามารถนำมาสร้างประโยชน์อันใดได้

Gartner ระบุเอาไว้ว่า “เมื่อความเร็วในการอัปเดตระบบนั้นสูงขึ้น การให้ผู้ดูแลระบบวางแผนในการเปลี่ยนแปลงระบบเครือข่ายสิบส่วน, ร้อยส่วน หรือพันส่วนทุกๆ ครั้งที่แอปพลิเคชั่นมีการเปลี่ยนแปลงด้วยตนเองนั้นก็เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ด้วยตนเองนั้นไม่เพียงแต่จะไม่เหมาะสมในทางปฏิบัติเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดปริมาณมหาศาลได้มากอีกด้วย” กระบวนการที่ผู้ดูแลระบบต้องทำด้วยตนเองนั้นสามารถขัดขวางความสามารถขององค์กรธุรกิจในการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว, การสร้างสรรค์นวัตกรรม และการก้าวสู่ตลาดใหม่เพื่อการแข่งขันได้เป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น อุปสรรคเหล่านี้จำนวนมากยังสามารถถูกก้าวข้ามได้ด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบ Cloud-Native โดยหากอ้างอิงจาก Gartner แล้ว จะพบว่า ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบ Cloud-Native จะมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้:
  -การแบ่งระบบออกเป็นหน่วยย่อย (Modularity) – โดยมีชั้นของการแบ่งแยกบริการแต่ละกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกันออกจากกัน (อย่างเช่น การใช้ Container หรือ Serverless Functions)
  -การควบคุมด้วยโปรแกรมได้ – โดยมีการสนับสนุนการใช้งานและการบริหารจัดการผ่านทางระบบ API และการกำหนดนโยบายได้
  -มีความยืดหยุ่น - ทรัพยากรในระบบสามารถที่จะถูกเพิ่มหรือลดได้อย่างยืดหยุ่นแบบอัตโนมัติและเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดเอาไว้ในระบบบริหา
  -มีความมั่นคงทนทาน – แต่ละบริการมีการเชื่อมต่อกันอย่างไม่ยึดติดกันจนเกินไป และทำงานแยกขาดจากกันโดยไม่ส่งผลกระทบต่อกันเมื่อเกิดปัญหาในการทำงาน ”


องค์กรธุรกิจสมัยใหม่นั้นต้องการระบบเครือข่ายตั้งแต่ปลายทางไปจนถึงคลาวด์ซึ่งทำงานอยู่บนแพลทฟอร์มเดียวกัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการทำงานแบบอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น ลดภาระของผู้ให้บริการระบบเครือข่ายลง และทำให้สามารถมุ่งเน้นไปยังงานที่มีความสำคัญสูงต่อธุรกิจได้มากขึ้น ระบบปฏิบัติการเดียว สถาปัตยกรรม ASIC เดียว ดูแลรักษาด้วยแนวทางเดียวกัน


ด้วยการต่อยอดจากนวัตกรรมล้ำหน้าและความสำเร็จของ Core Switch รุ่น CX 8400 Series ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ AOS-CX ที่ผ่านมา อันจะเห็นได้จากก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการมีลูกค้าหลักรายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อรูบ้ากำลังเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ด้วยผลิตภัณฑ์ตระกูลสวิตช์ที่ทันสมัยซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการเดียวกันทั้งในระบบเครือข่ายขององค์กรธุรกิจ, การเชื่อมต่อที่สาขา ไปจนถึงดาต้าเซ็นเตอร์ ทำให้การดูแลรักษาระบบเครือข่ายง่ายดายยิ่งขึ้นเป็นอย่างมาก แพลทฟอร์มใหม่ในผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล Aruba CX ได้รวมเอาปัจจัยสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายสมัยใหม่เอาไว้ด้วยกัน ซึ่งรวมถึง:
  -สวิตช์ตระกูล Aruba CX 6300 และ Aruba CX 6400 ที่ใช้สถาปัตยกรรม ASIC รุ่นที่ 7 ของอรูบ้า: Aruba CX 6300 Series คือตระกูลของสวิตช์แบบ Stackable ที่มีสามารถเพิ่มขยายได้อย่างยืดหยุ่นผ่านทาง Virtual Switching Framework (VSF) ที่รองรับสมาชิกมากถึงสิบอุปกรณ์ และมีการเชื่อมต่อเครือข่ายระดับ 10/25/50 Gigabit ให้พร้อมใช้งานเพื่อให้รองรับต่อความต้องการด้านแบนด์วิดธ์ในปัจจุบันและอนาคตได้ ในขณะที่ Aruba CX 6400 Series ซึ่งเป็นสวิตช์แบบ Modular นี้จะมีรุ่น Chassis แบบ 5 ช่องและ 10 ช่องซึ่งทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และสามารถเพิ่มขยายระบบจาก Gigabit POE ที่ชั้นของการเชื่อมต่อไปเป็น 100G ที่ชั้นของ Core ได้ ทำให้ลูกค้าสามารถทำงานอย่างมีมาตรฐานบนแพลทฟอร์มเดียวกันทั้งองค์กร ซึ่งรวมถึงการทำงานผสานรวมแบบไฮบริดได้ด้วย


  -AOS-CX 10.4: AOS-CX รุ่นใหม่ที่มีความสามารถเพิ่มเติมด้านการเชื่อมต่อมากมายในระบบปฏิบัติการ และสร้างความแตกต่างให้กับ CX ได้มากยิ่งขึ้นในขั้นของการเชื่อมต่อเครือข่าย ความสามารถเหล่านี้ได้แก่ Aruba Dynamic Segmentation ที่สามารถควบคุมนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ระบบเครือข่ายแบบมีสายและไร้สายร่วมกันได้ เพื่อบังคับใช้แก่ผู้ใช้ทุกคนและทุกอุปกรณ์ IoT, การใช้งาน Ethernet VPN (EVPN) over VxLAN สำหรับเชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างง่ายดายและมั่นคงปลอดภัยจากเครือข่ายขององค์กรธุรกิจไปยังดาต้าเซ็นเตอร์ และ Virtual Switching Extension (VSX) ที่สามารถอัปเกรดได้โดยไม่ต้องหยุดการทำงานของระบบในระหว่างที่มีการบำรุงรักษาแต่อย่างใด
  -Aruba NetEdit 2.0 ทำงานร่วมกับ Network Analytics Engine (NAE): การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของซอฟต์แวร์ Aruba NetEdit ในครั้งนี้ก็คือความสามารถในการทำงานร่วมกับ Aruba NAE ซึ่งความสามารถนี้จะทำให้การแสดงผลการทำงานของระบบเครือข่ายจากศูนย์กลางเกิดขึ้นได้จากการใช้ข้อมูลจากระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบกระจายตัวของ NAE ที่มีอยู่บนสวิตช์ทุกชุดภายในระบบเครือข่าย เพื่อลดเวลาที่ต้องใช้ในการแก้ไขปัญหาจากที่เคยต้องใช้เวลาหลายวันให้เหลือเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ความสามารถในการทำงานได้แบบอัตโนมัติที่เพิ่มเข้ามานี้จะทำให้งานพื้นฐานมีความง่ายดายยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนการตั้งค่า หรือการเริ่มต้นติดตั้งใช้งานอุปกรณ์ใหม่ ซึ่งล้วนสามารถทำงานได้ผ่าน CX Mobile App ทั้งสิ้น


ราคาและการวางจำหน่าย
ผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล CX อันได้แก่สวิตช์รุ่น Aruba CX 6300 และ CX 6400, AOS-CX รุ่นใหม่ และ Aruba NetEdit 2.0 จะวางจำหน่ายภายในเดือนพฤศจิกายน 2019 โดยราคาของ Aruba CX 6300 และ CX 6400 จะเริ่มต้นที่ $5,899 USD และ $13,499 USD ตามลำดับ

ข้อมูลเพิ่มเติม
View the webcast
รับชม Webcast
  -Read the Moor Insights & Strategy Report: HPE Aruba CX Switching Portfolio
  -อ่านรายงาน Moor Insights & Strategy Report: HPE Aruba CX Switching Portfolio
  -Learn more about the Aruba CX Switching Portfolio
  -เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aruba CX Switching Portfolio
  -Blog: Now’s the Time to Switch to a Next-Gen Network
  -บล็อก: Now’s the Time to Switch to a Next-Gen Network
  -Blog: Break Free from Legacy Network Constraints with Aruba CX Switching
  -บล็อก: Break Free from Legacy Network Constraints with Aruba CX Switching


อรูบ้า บริษัทในเครือฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นผู้นำด้านระบบเครือข่ายอัจฉริยะที่มั่นคงปลอดภัย ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถก้าวข้ามและส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลในยุคสมัยแห่งโมไบล์, IoT และคลาวด์ได้อย่างอัศจรรย์ เราได้เปลี่ยนกฎของระบบเครือข่ายให้ระบบเครือข่ายนั้นง่ายดายสำหรับฝ่าย IT และองค์กร เพื่อเชื่อมต่อโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับโลกแห่งดิจิทัล ณ ปลายสุดของการเชื่อมต่อเครือข่าย

คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ด้วยการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของอรูบ้าที่ https://www.arubanetworks.com/sea/ สำหรับการอัปเดตข่าวสารแบบทันท่วงที สามารถติดตามอรูบ้าได้ทาง Twitter และ Facebook และสำหรับบทสนทนาเชิงเทคนิคทางด้านการเครือข่ายไร้สายและผลิตภัณฑ์ของอรูบ้า คุณสามารถเยี่ยมชม Airheads Community ได้ที่ http://community.arubanetworks.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad

Responsive Ads Here