“กอระ” สบช่องเทรนด์ออร์แกนิคไลฟ์สไตล์มาแรง ดันส่งออกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ไทยเจาะตลาดทั่วโลก - Siamtimes.net

Breaking

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Post Top Ad

Responsive Ads Here

นิทรรศการ งานมหกรรม

การสื่อสาร

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2563

“กอระ” สบช่องเทรนด์ออร์แกนิคไลฟ์สไตล์มาแรง ดันส่งออกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ไทยเจาะตลาดทั่วโลก


“กอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซฯ” เตรียมผงาดผ่าวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 63 พุ่งเป้าดันข้าวหอมมะลิอินทรีย์ 100% เจาะตลาดกลุ่มประเทศอาหรับ พร้อมจับมือเกษตรกรพื้นที่ทุ่งกุลาฯ ขยายเครือข่าย “คลัสเตอร์นาข้าวหอมมะลิ Organic แท้ 100%” ตั้งเป้าภายใน 5 ปีเพิ่มพื้นที่ปลูก 2 แสนไร่รองรับการเติบโตสินค้าเกษตรอินทรีย์ในตลาดโลก พร้อมเดินหน้ายกระดับราคาข้าวและคุณภาพชีวิตของชาวนาไทยสู่ความยั่งยืน ส่วนกรณีถูกโยงเปิดระดมทุนให้ประชาชนลงทุนซื้อขายข้าวกอระโดยการันตีเงินปันผลที่เกินกฎหมายกำหนด ยันดำเนินธุรกิจโปร่งใส เป็นธรรม พร้อมเร่งทยอยโอนเงินโบนัสสมาชิกแล้วกว่า 45% 


นางสาวกรชวัล สมภักดี ประธานกรรมการบริหารบริษัท กอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์และจำหน่ายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมการเกษตร กล่าวว่า
ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาตระหนักและใส่ใจกับสุขภาพการกินมากขึ้น โดยเฉพาะเทรนด์การเลือกบริโภคสิ่งที่มีประโยชน์ ปราศจากสารเคมี และสารพิษตกค้าง หรือออร์แกนิคไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่กระแสกำลังมาแรงทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจสินค้าออร์แกนิคทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นถึง 104,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือราว 3.55 ล้านล้านบาท โดยอัตราการขยายตัวประมาณปีละ 20% ในขณะออร์แกนิคของไทยมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดภายในประเทศ 900 ล้านบาทและตลาดต่างประเทศ 2,100 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 0.06 ของมูลค่าตลาดโลกซึ่งถือว่ายังต่ำมาก ในขณะที่อัตราการเติบโตในประเทศประมาณ 10% ต่อปีทำให้ประเทศไทยมีโอกาสขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศอีกมาก 


บริษัท กอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซฯ เป็นบริษัทตั้งอยู่ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ซึ่งแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิออร์แกนิคที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เล็งเห็นถึงลู่ทางการเติบโตของอุตสาหกรรมสินค้าเกษตรออร์แกนิค จึงได้ร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่ในการสร้างเครือข่ายสู่ความเป็น “คลัสเตอร์แปลงนาข้าวหอมมะลิ Organic 100%ภาคอีสาน”
เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวหอมมะลิไทยและรองรับงานวิจัยเพื่อพัฒนาแปรรูปและต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวไทยออกสู่ตลาดโลกตอบโจทย์เทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ในพื้นที่กว่า 50,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัดในภาคอีสาน ได้แก่ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ มหาสารคาม ศรีสะเกษ และยโสธร โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นแปลงนาของกอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซฯ จำนวน 500 ไร่ 


“เพื่อรองรับเทรนด์การบริโภค/อุปโภคสินค้าเกษตรออร์แกนิคในตลาดและต่างประเทศ ที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะขยายคลัสเตอร์แปลงนาข้าวหอมมะลิออร์แกนิคเพิ่มมากขึ้นในปี 2563 อีกจำนวน 100,000 ไร่และจะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยโดยวางเป้าภายใน 5 ปี จะมีคลัสเตอร์แปลงนาประมาณ180,000- 200,000 ไร่ทั่วประเทศ เพื่อรองรับกำลังผลิตข้าวเพื่อส่งออกตลาดโลกให้ได้ 100,000 ตัน โดยวางเป้าหมายส่งออกในกลุ่มประเทศอาหรับเป็นหลัก ก่อนจะขยายตลาดครอบคลุมไปในประเทศต่างๆ ที่นิยมบริโภคข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งแนวทางดังกล่าวบริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะสามารถพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยและยกระดับเสถียรภาพราคาข้าวหอมมะลิให้สูงขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งขณะนี้ทราบว่าหลายพื้นที่ราคาข้าวชนิดทั่วไปตกต่ำอย่างมาก หากเราสามารถผลักดันการส่งออกให้มากขึ้นจะช่วยดันราคาข้าวให้สูงขึ้นและได้ช่วยยกกระดับชีวิตขาวนาไทยให้ดีขึ้นตามมา ส่วนราคาข้าวหอมมะลิออร์แกนิกในไทยอยู่ที่ 250 บาทต่อกิโลกรัม และตลาดต่างประเทศอยู่ที่ราคา 500-1,000 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันบริษัทที่รับซื้อข้าวที่ให้ราคาดีที่สุดด้วย คือให้ราคาอยู่ที่ 16,000-20,000 บาทต่อตัน” นางสาวกรชวัล กล่าว


นางสาวกรชวัล กล่าวต่อว่า
ปัจจุบันข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด เป็น 1 ใน 5 แหล่งเพาะปลูกข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดของไทย โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับกรมการข้าวได้ขอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ (Khao Hom Mali Thung Kula Rong Hai) กับสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2551 และสหภาพยุโรปได้รับขึ้นทะเบียนข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้แล้ว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2556 


สำหรับแผนการตลาด ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ข้าวกอระมีช่องทางการจัดจำหน่าย ในท็อปส์ มาร์เก็ต, เดอะมอลล์, เซเว่น อีเลฟเว่น, ไปรษณีย์ไทย และซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำหลายแห่ง ส่วนตลาดต่างประเทศมีแผนในการที่จะเข้าไปบุกเบิกตลาดผ่านบริษัทคู่ค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยมีตลาดกลุ่มสำคัญ ได้แก่ ตลาดกลุ่มประเทศอาหรับ จีน นอกจากนี้เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ข้าวไทย ในปี 2563 บริษัท กอระยังเตรียมวิจัยและพัฒนาข้าวทุกสายพันธุ์ในประเทศ นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายมุ่งเจาะกลุ่มตลาด พรีเมียมในต่างประเทศอีกด้วย จากปัจจุบันบริษัทกอระฯ มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาหลากหลายในตลาด อาทิ ข้าวหอมมะลิอบกรอบหลากรส Kora Cereal กอระซีเรียล ไม่มีส่วนผสมของแป้งเพราะทำจากจมูกข้าว ปลายข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์แปรรูป ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ขนมอบกรอบ และชาใบข้าวหอมมะลิ ปลอดสาร 100% เป็นต้น โดยผลการดำเนินงานของบริษัท กอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ ในปี 2563 คาดว่าจะสร้างรายได้มากกว่า 250 ล้านบาท เติบโตจากปี 2562 กว่า 500 % 


ส่วนกรณีองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ตรวจสอบ บริษัท กอระฯ และบริษัท ไอริชอินเตอร์เนชั่นแนล 2018 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือในข้อหาได้มีการระดมทุนให้ประชาชนร่วมลงทุนซื้อขายข้าวกอระโดยการันตีได้รับเงินปันผลเกินกฎหมายกำหนดนั้น นางสาวกรชวัล ยืนยันเสียงหนักแน่นว่า บริษัทฯไม่เคยมีการเชิญชวนบุคคลมาสมัครสมาชิก หรือมาร่วมลงทุนหรือระดมทุนหรือดำเนินธุรกิจใดๆในลักษณะดังกล่าว บริษัท กอระฯ เป็นเพียงบริษัทผู้ผลิตสินค้าเกษตร นวัตกรรม เกษตรแปรรูป ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ 100% ออร์แกนิค,ข้าวไรซ์เบอร์รี่ 100% ออร์แกนิค,ข้าวเหนียวเขาวงและกระเช้าของฝากจากชาวนาไทยฯลฯ เท่านั้น 


ส่วนบริษัท ไอริชฯ เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจเครือข่าย MLM หรือดำเนินธุรกิจรูปแบบเครือข่ายผู้บริโภค มีแผนการจ่ายเงินโบนัสเป็นค่าตอบแทนระบบธรรมดา ขอย้ำว่าบริษัทฯ ไม่เคยออกเอกสารชี้ชวนให้บุคคลใดมาลงทุนหรือออกประกาศใดๆ ที่ให้ผลตอบแทนในลักษณะคงที่ มีเพียงการจ่ายค่าโบนัสตามผลประกอบการตามแผนธุรกิจ MLM ตามใต้กรอกบของกฎหมายและข้อระเบียบที่ได้ยื่นต่อ สคบ. แต่ที่เกิดปัญหาเป็นเพราะมีบุคคลอื่นมาอ้างอิงแผนและทำให้สมาชิกเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโยบายของบริษัท 


อย่างไรก็ตาม พร้อมยอมรับว่าในการดำเนินธุรกิจเครือข่าย MLM ของไอริชฯ ที่ผ่านมานั้น เกิดข้อผิดพลาดอยู่ 1 เรื่อง ที่ส่งผลกระทบต่อสมาชิก จากการใช้ระบบแต้มคะแนนสะสมแทนระบบกระแสเงินสดในการจ่ายโบนัสตอบแทนสมาชิก ซึ่งบริษัทฯพร้อมน้อมรับข้อผิดพลาดดังกล่าวและอยู่ระหว่างเร่งแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวในทันที 


โดยล่าสุดได้ทำหนังสือไปยังสมาชิกอิสระเพื่อขอยอมรับสภาพหนี้เพื่อเป็นการันตีต่อสมาชิกพร้อมทั้งได้ทำการยกเลิกใบสั่งซื้อเพื่อทยอยคืนเงินให้กับสมาชิก อีกทั้งยังได้ออกประกาศยกเลิกบิลสั่งซื้อให้แก่สมาชิกแต่ละรายแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีหลายหน่วยงานภาครัฐได้เข้ามาตรวจสอบความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องแต่ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด ปัจจุบันบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจปกติพร้อมให้สมาชิกและทุกหน่วยงานเข้าตรวจสอบได้ตลอดเวลา 


“ปัจจุบันเรามีสมาชิกประมาณ 50,000 คน ขอยืนยันได้ว่าสมาชิกกว่า 48,000 รายยังมีความเชื่อมั่นและเคียงข้างบริษัทฯ เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อมั่นในจุดยืนและนโยบายของบริษัทฯในการเดินหน้าสร้างความมั่นคงและอาชีพแก่สมาชิกอย่างเป็นรูปธรรม และขอย้ำว่าบริษัทฯพร้อมแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้น พร้อมน้อมรับและนำไปแก้ไขปรับปรุงและให้ความเป็นธรรมกับสมาชิกทุกราย โดยขณะนี้ได้ทยอยโอนเงินชำระค่าโบนัสแก่สมาชิกอิสระแล้วกว่า 45%” นางสาวกรชวัล กล่าว 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad

Responsive Ads Here