"บัตรแรบบิท" ขึ้นแท่น Common Ticket ใบแรกของไทย ปีหน้าตั้งเป้า เติบโต20% สนองไลฟ์สไตล์ที่เหนือชั้นยุคดิจิทัล - Siamtimes.net

Breaking

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Post Top Ad

Responsive Ads Here

นิทรรศการ งานมหกรรม

การสื่อสาร

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2563

"บัตรแรบบิท" ขึ้นแท่น Common Ticket ใบแรกของไทย ปีหน้าตั้งเป้า เติบโต20% สนองไลฟ์สไตล์ที่เหนือชั้นยุคดิจิทัล


“บัตรแรบบิท” ยังคงความเป็นผู้นำหนึ่งเดียวของ สมาร์ทการ์ด และเป็น Common Ticketing เจ้าแรกในประเทศไทย ที่ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มการเดินทาง และการชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่างๆ ตลอดจนเป็นเบอร์หนึ่งของธุรกิจ Small Payment ที่มียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากว่า 9 ปี มีร้านค้าที่รับชำระด้วยบัตรแรบบิทมากกว่า 550 แบรนด์ทั่วประเทศ และมีจำนวนบัตรแรบบิทที่ออกไปแล้วกว่า 14 ล้านใบ และในปีหน้า (2564) มีแผนมุ่งเข้าสู่โลกดิจิทัล เพิ่มแอปพลิเคชัน และนำเทคโนโลยีใหม่มาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เหนือชั้นของคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น ตั้งเป้า เติบโต15-20 %


คุณรัชนี แสนศิลป์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด (บัตรแรบบิท) เปิดเผยว่า
“กว่า 9 ปีที่บัตรแรบบิทได้ให้บริการ บัตรแรบบิทสามารถใช้เดินทางได้ทั้ง รถ ราง เรือ ซึ่งถือเป็นบัตรใบเดียวที่ใช้จ่ายค่าโดยสารสาธารณะได้ครอบคลุมมากที่สุด อีกทั้งยังสามารถใช้จ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ อีกมากมายเรียกได้ว่า “บัตรแรบบิท” เป็น “common ticket” ในระบบ eco-system ของเราได้อย่างแท้จริง เพราะบัตรแรบบิทสามารถตอบโจทย์การดำเนินชีวิตยุคใหม่ได้อย่างลงตัว นอกจากบัตรแรบบิทจะใช้จ่ายค่าโดยสารรถโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส เรือโดยสารต่างๆ และรถเมล์บางสายแล้ว ยังสามารถใช้จ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม หรือบริการต่างๆ จากร้านค้าชั้นนำได้อย่างง่ายดายอีกด้วย และนอกจากนี้ องค์กรชั้นนำหลายแห่งยังใช้บัตรแรบบิทเป็นบัตรประจำตัวพนักงาน เพื่อใช้บันทึกเวลาเข้า-ออกงาน ซึ่งพนักงานเหล่านี้ก็สามารถนำบัตรพนักงานนี้มาเติมเงินหรือเติมเที่ยวเดินทาง เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย”

“ในปีที่ผ่านมามีการใช้บัตรแรบบิทกับระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ปัจจุบัน บัตรแรบบิทสามารถใช้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ครอบคลุม 58.92 กม. และในวันที่ 16 ธันวาคม 2563 นี้ รถไฟฟ้าสายสีทองได้เปิดให้บริการ รวมทั้งสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย (วัดพระศรีฯ – คูคต) ก็จะเปิดให้บริการเช่นกัน ซึ่งครอบคลุม 9.33 กม รวมทั้งสิ้น 68.25 กม. ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถใช้บัตรแรบบิทจ่ายค่าเดินทางได้ เพิ่มความสะดวกสบาย และรวดเร็วให้กับผู้ถือบัตรแรบบิท ซึ่งคาดว่าจะทำให้จำนวนบัตรแรบบิทเพิ่มขึ้นอีก 15 - 20% ในปีหน้า โดยปัจจุบันมีบัตรแรบบิทออกไปสู่ตลาดแล้วกว่า 14 ล้านใบ”


“ปัจจุบันบัตรแรบบิทสามารถใช้จ่ายค่าโดยสารได้ที่เรือด่วนเจ้าพระยา (ธงแดง) และเรือเจ้าพระยา ทัวร์ริสโบ๊ท (ธงฟ้า) ได้แล้ว และขณะนี้ทางแรบบิท ร่วมกับ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด กำลังพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่องเพื่อทำการติดตั้งเครื่องรับบัตรแรบบิท ที่เรือด่วนเจ้าพระยา ธงเหลือง ธงส้ม และธงเขียว ที่มีผู้โดยสารรวมกว่า 34,000 คน/วัน ให้เสร็จภายในปี 2564 ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยให้วิถีชีวิตใหม่ของคนไทยสะดวก ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น”


“ทิศทางของบัตรแรบบิทในปี 64 เรายังคงมุ่งสร้างสรรค์และค้นหาแนวทางใหม่ๆ นำเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน เข้ามาตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภค เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความสะดวกสบาย และใช้งานได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังพร้อมปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ซึ่งในปีหน้า (2564) จะได้เห็นผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ของเรา ที่จะทยอยออกมาโดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี” 


“อย่างแรกเลย คือ แอปพลิเคชัน สำหรับ บัตรแรบบิท ที่เราจะสร้างประสบการณ์ใหม่ในการใช้งานให้กับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง โดยผู้ถือบัตรแรบบิททุกคนสามารถเติมเงินผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือของตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถเช็คยอดเงินคงเหลือได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมตรวจสอบประวัติการใช้งานได้ และเราไม่หยุดพัฒนาแอปพลิเคชันไว้แค่นี้แน่นอน เพราะเรามีแผนการที่จะทำให้แอปฯ ของเรามีฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มขึ้นที่สามารถรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้งานร่วมกับการสะสมและแลกคะแนนแรบบิท รีวอร์ดส อย่างที่บอกว่า บัตรแรบบิทของเราเป็น common ticket ในระบบ eco-system ของเราอย่างแท้จริง ทำให้เราไม่หยุดสร้างเครือข่ายของเราให้เข้มแข็งมากขึ้น โดยในอนาคตอันใกล้ผู้ประกอบการรายย่อยจะสามารถรับการชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยบัตรแรบบิทผ่านโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างง่ายดายได้ด้วยแอปพลิเคชันที่เราจะพัฒนามาเพื่อใช้แทนเครื่องอ่านบัตรนั่นเอง”


“ในวันนี้ สำหรับชีวิตวิถีใหม่ของคนไทยสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีสะดุด เพียงมี ‘บัตรเครดิตอิออน แรบบิท แพลทินัม’ (AEON Rabbit Platinum Card) บัตรเครดิตสำหรับชีวิตยุคดิจิทัล ซึ่งเข้ามามีส่วนใน eco-system ของบัตรแรบบิท ให้เข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น เพราะทุกการแตะบัตรใบนี้เพื่อชำระค่าโดยสาร ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม หรือค่าบริการต่างๆ ไม่ต้องกังวลว่าทุกการแตะบัตรเพื่อจ่ายเงินนั้นจะมีเงินอยู่ในบัตรพอเพียงหรือไม่ เพราะเมื่อเงินในฟังก์ชันแรบบิทที่อยู่ในบัตรใบนี้ไม่พอจ่ายค่าสินค้า/บริการ เงินจากวงเงินบัตรเครดิตก็จะเติมเข้ากระเป๋าบัตรแรบบิทโดยอัตโนมัติ และยังได้รับเครดิตเงิน 5% อีกด้วย”

“เมื่อประมาณกลางปี 2563 บัตรแแรบบิทได้รับความสำเร็จอีกขั้น ที่แสดงให้เห็นว่าเรายังเป็นที่หนึ่งในใจผู้บริโภค ด้วยการคว้ารางวัล Superbrands Award ในหมวด Banking/ Finance and Credit Card และหมวดหมู่ย่อยในกลุ่ม E-money Services จาก Superbrands องค์กรซึ่งได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นองค์กรอิสระเพียงหน่วยงานเดียวในโลก ที่เป็นผู้ตัดสินด้านความเป็นเลิศด้านการสร้างแบรนด์ ซึ่งรางวัลนี้เป็นรางวัลที่เหมือนเป็นพลังให้เราและทีมงานทุกๆ คน มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึง eco-system ของเราให้เข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงจะทำให้บัตรแรบบิทของเราเป็นเพียงบัตรเดียวที่จะทำให้ทุกจังหวะชีวิตของทุกคนไม่มีสะดุดและมีไลฟ์สไตล์เหนือชั้นในยุคดิจิทัลอย่างแน่นอน”


“ที่สำคัญโปรเจ็คท์ในปี 2564 ยังมีอีกที่คาดว่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการดิจิตอลอย่างแน่นอน เพราะเรากำลังร่วมพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่รูปแบบใหม่ ที่รับรองว่าจะสามารถสร้างกระแสความต้องการให้เกิดขึ้นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ จากการร่วมมือกับบริษัทแกดเจ็ตชั้นนำระดับโลกในการเนรมิตให้ “บัตรแรบบิท” กลายเป็นไอเทมสุดฮอตฮิตสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ตอนนี้ยังบอกอะไรมากไม่ได้ แต่รับรองว่าภายในปี 2564 นี้ “แรบบิท” มีอะไรมาให้ทุกคนได้ตื่นเต้นกันอย่างแน่นอน” คุณรัชนี กล่าวปิดท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad

Responsive Ads Here