ทางด้าน ยูฟ่า ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสภาพร่างกายนักฟุตบอลในช่วงขวบปีที่ผ่านมา ว่าต้องกรำศึกหนักตลอดฤดูกาลหลังเหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้นยูฟ่าจึงอนุญาตให้แต่ละทีมชาติสามารถเปลี่ยนผู้เล่นได้ 5 คนต่อนัดอย่างแน่นอน หลังได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป นอกจากกฎการเปลี่ยนตัวผู้เล่นในยูโร 2020 แล้วนั้น ยังอนุมัติให้นำกฎนี้ไปใช้ในการแข่งขันรายการ เนชั่นส์ ลีก รอบเพลย์ออฟและรอบสุดท้าย
ทั้งนี้คณะกรรมการบริหาร ยูฟ่า ยังอนุมัติให้เพิ่มขีดจำกัดสำหรับจำนวนแฟนบอลที่เข้าสนามได้มากกว่า 30% โดยสามารถเปิดให้แฟนบอลเข้าชมได้จำกัดที่ปริมาณเท่าไหร่จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ในแต่ละประเทศ สำหรับกฎผู้ชม 30% และจำกัดโควต้าผู้เล่นสำรองเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เพื่อขานรับนโยบายควบคุมการรวมตัวของคนหมู่มากในพื้นที่สาธารณะ เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด แต่อย่างไรก็ดีในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 ยูฟ่าให้สิทธิเมืองเจ้าภาพกำหนดจำนวนผู้ชมให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลแต่ละประเทศ โดยให้ทางชาติเจ้าภาพส่งข้อมูลหลักปฏิบัติและเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ ให้ทางยูฟ่านั้นเอง โดยทางสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปยืนยันแล้วว่า 8 จาก 12 สนามของ ยูโร 2020 จะเปิดให้ผู้ชมทั่วไปได้เข้าการแข่งขันสนามอย่างแน่นอน บรรดาชาติต่างๆ ที่เป็นเจ้าภาพทั้ง บูดาเปสต์ (ฮังการี) ตั้งเป้าหมายให้แฟนบอลสามารถเข้าสนามได้เต็มความจุทางด้าน เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) และ บากู (อาเซอร์ไบจาน) ยืนยันการเปิดให้ผู้ชมเข้าสนามอยู่ที่ 50% ซึ่งรัสเซียยังหวังจะเพิ่มความจุให้ได้มากขึ้นอีก ทั้งนี้ 3 ชาติดังกล่าวอาจจะอนุญาตให้ผู้มีตั๋วเข้าประเทศได้ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องทำการฉีดวัคซีนมาแล้ว ซึ่งในประเด็นนี้ต้องพิจารณากันต่อไป ส่วนทาง บูคาเรสต์ (โรมาเนีย), อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์), กลาสโกว์ (สกอตแลนด์) และ โคเปนเฮเก้น (เดนมาร์ก) ยืนยันแล้วว่าให้มีผู้ชมในสนามอย่างน้อย 25-33% ในขณะที่สังเวียนนัดชิงย่าง เวมบลีย์ ลอนดอน (อังกฤษ) กำหนดความจุขั้นต่ำเอาไว้ที่ 25% ในรอบแบ่งกลุ่ม และรอบ 16 ทีม แต่ตั้งเป้าอนุญาตให้แฟนบอลเข้าสนามมากขึ้นในรอบรองฯ และรอบชิงชนะเลิศ
ทั้งนี้คณะกรรมการบริหาร ยูฟ่า ยังอนุมัติให้เพิ่มขีดจำกัดสำหรับจำนวนแฟนบอลที่เข้าสนามได้มากกว่า 30% โดยสามารถเปิดให้แฟนบอลเข้าชมได้จำกัดที่ปริมาณเท่าไหร่จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ในแต่ละประเทศ สำหรับกฎผู้ชม 30% และจำกัดโควต้าผู้เล่นสำรองเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เพื่อขานรับนโยบายควบคุมการรวมตัวของคนหมู่มากในพื้นที่สาธารณะ เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด แต่อย่างไรก็ดีในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 ยูฟ่าให้สิทธิเมืองเจ้าภาพกำหนดจำนวนผู้ชมให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลแต่ละประเทศ โดยให้ทางชาติเจ้าภาพส่งข้อมูลหลักปฏิบัติและเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ ให้ทางยูฟ่านั้นเอง โดยทางสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปยืนยันแล้วว่า 8 จาก 12 สนามของ ยูโร 2020 จะเปิดให้ผู้ชมทั่วไปได้เข้าการแข่งขันสนามอย่างแน่นอน บรรดาชาติต่างๆ ที่เป็นเจ้าภาพทั้ง บูดาเปสต์ (ฮังการี) ตั้งเป้าหมายให้แฟนบอลสามารถเข้าสนามได้เต็มความจุทางด้าน เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) และ บากู (อาเซอร์ไบจาน) ยืนยันการเปิดให้ผู้ชมเข้าสนามอยู่ที่ 50% ซึ่งรัสเซียยังหวังจะเพิ่มความจุให้ได้มากขึ้นอีก ทั้งนี้ 3 ชาติดังกล่าวอาจจะอนุญาตให้ผู้มีตั๋วเข้าประเทศได้ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องทำการฉีดวัคซีนมาแล้ว ซึ่งในประเด็นนี้ต้องพิจารณากันต่อไป ส่วนทาง บูคาเรสต์ (โรมาเนีย), อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์), กลาสโกว์ (สกอตแลนด์) และ โคเปนเฮเก้น (เดนมาร์ก) ยืนยันแล้วว่าให้มีผู้ชมในสนามอย่างน้อย 25-33% ในขณะที่สังเวียนนัดชิงย่าง เวมบลีย์ ลอนดอน (อังกฤษ) กำหนดความจุขั้นต่ำเอาไว้ที่ 25% ในรอบแบ่งกลุ่ม และรอบ 16 ทีม แต่ตั้งเป้าอนุญาตให้แฟนบอลเข้าสนามมากขึ้นในรอบรองฯ และรอบชิงชนะเลิศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น