เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมเด่น ปี 2564 มาแถลงข่าว “วิจัย นวัตกรรมดีดี มีที่ วช.” เป็นผลงานวิจัยที่ช่วยแก้ไขปัญหาในภาวะวิกฤตและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักวิจัยไทย
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้นำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรม ที่ วช. ให้การสนับสนุนจนสามารถนำไปต่อยอดและใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ในปี 2564 ชี้ให้เห็นว่า วช. ได้วางกรอบแนวทางบริหารจัดการทุนไว้อย่างชัดเจน ภายใต้แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และเนื่องจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลก จากปัญหาสิ่งแวดล้อมและโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้น อย่างเช่นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เป็นโรคอุบัติใหม่ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ได้สนับสนุนการใช้วิจัยและนวัตกรรมฝีมือคนไทยที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด-19 ทั้งมิตินวัตกรรม และวิชาการ ตอบรับความต้องการของบุคลากรได้ถึง 3 เฟส ของการแพร่ระบาด และมีความก้าวหน้าเป็นไปตามมาตรฐานการวิจัย วช. จึงนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมพร้อมใช้มาถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้แก่สังคม เพื่อช่วยแก้ปัญหา สร้างโอกาสช่วยลดผลกระทบจากสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19
ในวันนี้ วช. นำผลงานวิจัยและนวัตกรรมดีดี บางส่วนที่ วช. ได้ให้การสนับสนุนและนำไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม 10 ด้าน มานำเสนอ ได้แก่
-ด้านโควิด -19 อาทิ ศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และ mRNA Vaccine เพื่อป้องกันการรักษาการติดเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2
-ด้านการแพทย์และสาธารณสุข อาทิ ชุดตรวจปัสสวะสำเร็จรูปสำหรับตรวจวินิจฉัยโรคพยาธิใบไม้ตับในชุมชน และแผ่นดามกระดูกและสกรูทางออร์โธปิดิกส์
-ด้านการรองรับสังคมสูงวัย อาทิ เตียงพลิกตะแคง ป้องกันแผลกดทับ และเปลี่ยนเกษียณเป็นพลัง
-ด้านการเกษตร อาทิ ยืดอายุ “มะม่วงน้ำดอกไม้” ส่งออกต่างประเทศ และยืดอายุทุเรียนเพื่อการส่งออก
-ด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ เครื่องตรวจวัดฝุ่น PM 2.5 และการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และของเสียอันตรายชุมชน
-ด้านสัตว์เศรษฐกิจ อาทิ ธนาคารปูม้าชุมชน เพื่อความยั่งยืน และไก่พื้นเมือง และไก่ลูกผสมพื้นเมือง สู่เชิงพาณิชย์ วิจัยปรับปรุงสายพันธุ์ “ไก่ลิกอร์” ไก่พื้นเมืองลูกผสม สายพันธุ์ใหม่
-ด้านการศึกษา อาทิ ระบบซอฟต์แวร์โดรนแปรอักษร รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
-ด้านเทคโนโลยี AI อาทิ ระบบปัญญาประดิษฐ์ในการประเมินการใส่หน้ากากอนามัย (AiMASK)
-ด้านเศรษฐกิจฐานราก อาทิ มังคุดวิจัย และเศรษฐกิจฐานรากภาคเหนือตอนบน หวังเพิ่มมูลค่าหัตถกรรมชุมชนในยุค New Normal (KOYORI)
-ด้านการพัฒนาสังคมและชุมชน อาทิ พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสาธารณสุขและแกนนำชุมชน เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 บริเวณพื้นที่ชายแดน และสร้างตำบลต้นแบบ 15 จังหวัด ผ่านปราชญ์เพื่อความมั่นคง และเครือข่ายภาคประชาชน ฯลฯ
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวในการนำเสนอในช่วงท้ายว่า วช. ให้ความสำคัญในการช่วยลดผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 โดย วช. จะมุ่งเน้นผลงานงานวิจัยและนวัตกรรมเชิงสุขภาพให้หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และมุ่งเน้นผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ส่งเสริมอัตลักษณ์ในแต่ละท้องถิ่น เพื่อการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน และจะผลักดันให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งหมดนี้ วช. ได้ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ในโอกาสหน้า วช.จะฉายภาพงานวิจัยและนวัตกรรมดีดี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่นักวิจัย และนักประดิษฐ์ไทย ในการพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตประชาชนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น