“พรรครวมแผ่นดิน” จับฉลากได้หมายเลข 47 นำทัพโดย พล.อ.ชัชชัย ภัทรนาวิก หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน (รผด.) พร้อมด้วย รุ่งโรจน์ รุ่งณรงค์รักษ์, พล.ต. พิชิต บุตรวงศ์ รองหัวหน้าพรรค และ เชนทร์ ภัทรนาวิก กรรมการบริหาร และ มาดามหยก น.ส.กชพร เวโรจน์ ที่รวบรวมศิลปินทุกแขนงมาอยู่ร่วมพรรคได้ ทำให้พรรคเป็นที่จับตาในวันสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ เมื่อวันอังคารที่ 4 เมษายน 2566 ณ อาคารไอราวัตพัฒนา ณ ศาลาว่าการกรุงเทพฯ เขตดินแดน
มีโอกาสเจอนักแสดงและผู้จัดละครชื่อดัง “ตฤณ เศรษฐโชค” เผยถึงการก้าวสู่เส้นทางการเมืองพร้อมบอกขอเบรกงานละครไว้ก่อนว่า “ทีแรกรู้จักกับผู้ใหญ่ในพรรครวมแผ่นดิน มาดามหยก (กชพร เวโรจน์) ประธานที่ปรึกษาพรรค ก็รู้จักกันมานานแล้วฮะ ท่านประธานก็อยากจะให้เข้ามาทำอยู่เบื้องหลังเกี่ยวกับเรื่องสเตจเวที คอนเซ็ปต์พรรค และเป็นการ Change Together Team ขึ้นมา ที่เห็น ๆ พรรคผมมีนักแสดงหรือศิลปินเข้ามาเยอะเนี่ย ก็มีการดึงศิลปินเข้ามาเพื่อเป็นการสร้างสีสันและถือเป็นองค์กรหนึ่ง ไม่ว่าหลังเลือกตั้งองค์กร Change Together Team ยังอยู่ เพื่อดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เช่น มีการร้องเรียก เป็นองค์กรหนึ่งที่ช่วยงานสังคมครับ จากที่เราตั้งพรรคมากระแสตอบรับดี เราลงพื้นที่ด้วยครับ เราจะมีทีมรับฟังปัญหา แต่ส่วนทีม Change พอชาวบ้านเขาเห็นเขาก็ดีใจแล้ววิ่งเข้ามาถ่ายรูป จะมาถามเรื่องงานบันเทิง แต่ผมก็บอกว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้บอกกล่าวกับทีมงานของเราได้ เพื่อจะได้เก็บข้อมูลเล่านี้มาช่วยเหลือหรือแก้ไขครับ”
ด้าน “กำปั้น บาซู” กวินพนธ์ พาณิชย์พงส์ เผยถึงการเข้าสู่วงการการเมืองว่า “สวัสดีครับ ผมกำปั้น บาซู ครับ ที่ก้าวเข้ามาเล่นการเมืองจริง ๆ แล้วต้องเท้าความไปช่วงโควิดที่ผ่านมาเราได้รับผลกระทบพอสมควร ส่งผลกระทบอย่างพวกทำงานกลางคืน เด็กเสิร์ฟ โดยเฉพาะนักร้องนักดนตรี คือเราจะมีงานประจำอยู่แล้วทุกเดือน เราก็จะโดนยกเลิกงาน ถ้าทุกคนจำได้ช่วงโควิด อาชีพกลางคืนจะโดนปิดตั้งแต่วันแรกจนถึงสุดท้ายเลย แต่ว่าไม่มีองค์กรไหนเข้ามาซัพพอร์ตกลุ่มอาชีพเหล่านี้เลย ซึ่งมีหลาย ๆ คนบ่นให้เราฟัง แล้วเราก็โดนด้วย เราเลยคิดว่าเราอาจเป็นกระบอกเสียงให้คนกลุ่มนี้ได้ฮะ แล้วก็มีรุ่นพี่ที่ทำงานอยู่พรรครวมแผ่นดินได้พูดคุยกันปรึกษากันในวงเหล้านี่ล่ะฮะ คุยไปคุยมา เออ..จริง ๆ แล้วเราก็น่าจะเอากระบอกเสียงของเราเป็นพลังให้กับเพื่อน ๆ ในอาชีพเดียวกันครับ บางทีรัฐบาลหรือผู้ใหญ่อาจจะได้รับฟังปัญหาต่าง ๆ เราก็อยากเป็นกระบอกเสียงให้กับคนกลุ่มนี้ให้ผู้ใหญ่ได้รับฟังความเดือดร้อน อยากให้มีสิทธิเท่าเทียมกันทุกเพศทุกวัย และอย่างเรื่องของการเกณฑ์ทหารก็มีญาติ ๆ น้อง ๆ หลาน ๆ หลาย ๆ คนอยู่ช่วงเกณฑ์ทหารนะครับ ผมก็ได้รับฟังจากลูกของเพื่อน บางคนเขาไม่อยากเป็นทหาร เพราะเขามีอาชีพที่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่เลี้ยงดูครอบครัว มีเงินเดือนหรือทำงานเข้ารับบรรจุแล้วก็ผ่อนผันไว้ แต่สุดท้ายไปจับแล้วก็ได้ใบแดงต้องไปรับใช้ชาติ แต่จริง ๆ แล้วผมคิดว่าในประเทศไทยมีเด็กผู้ชายหลาย ๆ คนที่ต้องการจะเป็นทหาร พรรคเราสนับสนุนอยากให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แล้วก็รับสมัครคนที่สมัครใจอยากเป็นทหารดีกว่า ผมคิดว่าถ้าเกิดคนที่รักและอยากที่จะเป็นเขาได้ทำในสิ่งที่เขารักมันจะออกมาดี แล้วอีกประเด็นสิทธิเท่าเทียมกันของทุกเพศทุกวัย ของพรรคเราจะเน้นเรื่องของกลุ่มLGBT+ เราทำงานอยู่วงการบันเทิงเราค่อนข้างจะใกล้ชิดคนเหล่านี้นะฮะ คนเหล่านี้จริง ๆ แล้วเป็นคนเก่ง มีความสามารถ สังคมมักจะมองข้ามเรื่องของสิทธิและเรื่องของสวัสดิการต่าง ๆ รับไม่เท่ากับเพศหญิงและเพศชาย อันนี้เราก็อยากจะเป็นกระบอกเสียงให้ครับ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น