จุฬาราชมนตรี มั่นใจส่งออกฮาลาลไทยติดอันดับ5ของโลกได้ เพราะวัตถุดิบหลากหลายและมีคุณภาพ รวมถึงขั้นตอนตรวจสอบรับรองมีคุณภาพและเครื่องหมายฮาลาลไทยเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ
นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี เผยในพิธีเปิดงานสัมมนา MEGA HALAL Bangkok 2025 ที่ไบเทคบางนาว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งแรกของไทย และมีความสำคัญต่อสินค้าฮาลาล ภายใต้แนวคิด Purity Way of Life มีความหมายถึงความบริสุทธิ์ และสะอาดในการดำเนินชีวิต รวมทั้งมุสลิมจะเลือกแต่อาหารที่บริสุทธิ์ สะอาดเท่านั้นมอบให้กับแขกที่มาเยือน ดังนั้นอัตราความต้องการอาหารมุสลิมในโลกนี้จึงมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นมุสลิม และศาสนาอื่น
เช่นเดียวกันกับมูลค่าทางการค้า ที่เพิ่มขึ้นทั้งจากกลุ่มประเทศมุสลิม และไม่ใช่มุสลิม แต่มีเครื่องหมายรับรองฮาลาลอย่างถูกต้อง ซึ่งการค้าอาหารฮาลาล นั้นถือว่าไม่ผิดต่อหลักศาสนา เพราะการค้าทั้งการขาดทุน กำไรเกิดขึ้น มองเป็นการกระจายรายได้ให้กับสังคม ที่ต่างกันเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ย ที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบ
แต่ทั้งนี้การผลิตอาหารฮาลาลต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อาหารที่ออกมาจำหน่าย ต้องมีวัตถุดิบที่สะอาดตามที่ศาสนาระบุไว้อย่างเคร่งครัด เพราะสินค้าคือความเชื่อมั่น เชื่อถือของผู้บริโภค กับมาตรฐานรับรอง จากหน่วยงานสำคัญที่ตรวจรับรับรองอย่างเข้มงวด จึงจะเป็นสินค้าที่ส่งออกได้
"ปัจจุบันบราซิล ที่ไม่ใช่ประเทศที่นับถืออิสลามเป็นหลัก แต่เป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารฮาลาล รายใหญ่โดยเฉพาะไก่เนื้อ ในส่วนของประเทศไทย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นครัวของโลก นั้นโดยพื้นฐานมีความเชื่อมั่นอยู่แล้ว และด้วยวัตถุดิบที่หลากหลายจึงคาดว่าไทยจะกลายเป็นผู้ส่งออกสินค้ามุสลิมในอนดับที่ 5 ของโลก ได้อย่างแน่นอนจากปัจจุบันอยู่ที่ 6-7 ของโลก โดยงาน MEGA HALAL Bangkok 2025 นี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ไทยก้าวเป็นผู้ส่งออกสินค้าฮาลาลที่สำคัญในอนาคต"
นายอรุณ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้ไทยส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลได้ เนื่องจากผู้บริโภคทั่วโลกมีความเชื่อมั่นในเครื่องหมายรับรองของสำนักจุฬาราชมนตรี ที่มีรายละเอียดของแต่ละขั้นตอนการตรวจสอบอย่างรัดกุมทั้งสินค้าที่เป็นอาหาร และไม่ใช่อาหาร ดังนั้นจึงมั่นใจว่าในอนาคตไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิต และส่งออกสินค้าฮาลาลในภูมิภาคเอเชียได้
ด้านพล.ต.ต. สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (สกอท.) เผยว่า ปัจจุบันไทยมีความพร้อมเพื่อที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิต และส่งออกอาหารฮาลาล โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองเครื่องหมายอาหารฮาลาล ที่จุฬาราชมนตรีเป็นผู้ลงนามให้การรับรองฮาลาลแต่เพียงผู้เดียวตั้งแต่ปี 2490 จนถึงปัจจุบัน แล้วกว่า 190,834 รายการ แยกเป็น อาหารและเครื่องดื่ม 180,000 รายการ และประเภทอุปโภค ยารักษาโรคเคมีภัณฑ์ ประมาณ 10,000 รายการ จากจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียน 12,042 ราย
ซึ่งการรับรองนี้มีขั้นตอนอย่างละเอียด ดูแม้กระทั่งที่มาของสีผสมอาหาร ทำให้อาหารฮาลาลของไทยเป็นที่เชื่อถือระดับนานาชาติ และสามารถส่งออกได้ในตลาดทั้งเอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรปทำให้มีมูลค่าการส่งออกประมาณปีละ 7,000 ล้านดอลลาร์ อันดับที่ 11 ของโลก ยังถือว่าเป็นอัตราส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับศักยภาพการผลิตของไทยที่มีวัตถุดิบในประเทศที่หลากหลาย
ส่วนหนึ่งเพราะขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะด้านงบประมาณ ทำให้อาหารฮาลาลของไทยยังไม่เป็นที่รู้จักของตลาดโลก เท่าที่ควรการส่งเสริมการส่งออกอาหารฮาลาลในปัจจุบัน เกิดจากการสนับสนุนของบริษัทเอกชนที่ผลิต และส่งออกสินค้าของตนเอง กรณีการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ทางสำนักงานคณะกรรมการกลางฯ จะเป็นหน่วยงานออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ซึ่งการขับเคลื่อนลักษณะนี้ มีแรงผลักดันได้น้อยมาก และเปิดตลาดบางประเทศได้ช้า
ตลาดอาหารฮาลาลที่น่าสนใจ คือ ซาอุดีอาระเบีย ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE ) ซึ่งเป็นประตูสู่ตะวันออกกลาง แต่ปัจจุบันทั้ง 3 ประเทศ ยังมีเงื่อนไขการค้าที่เป็นอุปสรรคสำคัญคือ ทุกสินค้าที่ไทยต้องส่งออกนั้นจะต้องเข้าไปเป็นสมาชิกองค์กรรับรองสินค้าฮาลาลของประเทศนั้นๆ โดยองค์กรนี้จะเข้ามาตรวจสอบรับรองผลิตภัณฑ์ก่อนส่งออก ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนของไทยเพิ่มสูงขึ้น กรณีดังกล่าว หากรัฐบาลให้การสนับสนุน และมีข้อต่อรองที่ดี จะทำให้ไทยสามารถเปิดตลาดได้ง่ายขึ้น
พ.ต.ต.สุรินทร์ กล่าวเสริมอีกว่า โอกาสของไทยมีอยู่แล้ว ขอเพียงคำสั่งซื้อเท่านั้น หากรัฐบาลสนับสนุนอย่างจริงจังเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิต และส่งออก ทาง สกอท. ก็พร้อมที่จะขับเคลื่อนได้ทันที โดยปัจจุบันมีหน่วยงานรับรองรวม 41 หน่วย แยกเป็นส่วนกลาง 37 จังหวัด และส่วนจังหวัด 40 จังหวัด มีคณะกรรมการฝ่ายกิจการฮาลาล ทั้งประเทศ 380 คน จำนวนผู้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ฮาลาล ทั้งประเทศ 290 คน และที่ปรึกษาฮาลาลประจำสถานประกอบการ 570 คน จำนวนโรงเชือดสัตว์ที่ขอการรับรองฮาลาล โรงเชือดขนาดใหญ่ 47 โรงงาน และโรงเชือดที่มีศักยภาพในการส่งออกได้ ตามเงื่อนไขของกรมปศุสัตว์ 37 โรงงาน โรงเชือดขนาดเล็ก 65 โรงงาน มีผู้ควบคุมเชือดสัตว์จำนวน 70 คน ผู้เชือดที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้เชือดตามมาตรฐานฮาลาลจำนวน 1,300 คน
ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ขอรับรองฮาลาล เช่นบริษัทในเครือ CPF บริษัทในเครือเบทาโกร บริษัท สหฟาร์ม บริษัท ทีซีฟาร์มาซูติคอล(กระทิงแดง) บริษัท โอสถสภา บริษัทเครื่องดื่มสิงห์ เนสท์เล่ ช้าง และอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม งานแสดงสินค้า และบริการฮาลาลนานาชาติ Mega Halal Bangkok 2025 เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 98–101 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็น “ประตูสู่ตลาดฮาลาลโลก” และเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับนักลงทุน ผู้ซื้อ และคู่ค้าจากทั่วโลก
งานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Purity Way of Life” โดยได้รับความร่วมมือระหว่าง Comasia Limited และ Worldex G.E.C พร้อมการสนับสนุนจากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และองค์กรพันธมิตรจากทั้งภาครัฐ และเอกชน ภายในงาน แบ่งเป็น 5 โซนไลฟ์สไตล์ฮาลาลสุดครบวงจร อาหารและเครื่องดื่มฮาลาล (Halal F&B) การท่องเที่ยวและบริการโรงแรม (Halal Tourism & Hospitality) สุขภาพและการแพทย์ (Wellness & Health) ความงามและเครื่องสำอาง (Beauty & Cosmetics) แฟชั่นและเทคโนโลยีฮาลาล (Modest Fashion & Digital Halal)
ท้้งนี้ มีผู้ร่วมแสดงงานกว่า 500 รายจาก 10 ประเทศ งานนี้ถือเป็นแพลตฟอร์มที่รวมผู้ประกอบการฮาลาลทั้งจากไทย และต่างประเทศกว่า 500 ราย พร้อมกิจกรรม Business Matching, การสัมมนา และเวทีเจรจาธุรกิจแบบเข้มข้นตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 16–18 ก.ค.นี้
งานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Purity Way of Life” โดยได้รับความร่วมมือระหว่าง Comasia Limited และ Worldex G.E.C พร้อมการสนับสนุนจากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และองค์กรพันธมิตรจากทั้งภาครัฐ และเอกชน ภายในงาน แบ่งเป็น 5 โซนไลฟ์สไตล์ฮาลาลสุดครบวงจร อาหารและเครื่องดื่มฮาลาล (Halal F&B) การท่องเที่ยวและบริการโรงแรม (Halal Tourism & Hospitality) สุขภาพและการแพทย์ (Wellness & Health) ความงามและเครื่องสำอาง (Beauty & Cosmetics) แฟชั่นและเทคโนโลยีฮาลาล (Modest Fashion & Digital Halal)
ท้้งนี้ มีผู้ร่วมแสดงงานกว่า 500 รายจาก 10 ประเทศ งานนี้ถือเป็นแพลตฟอร์มที่รวมผู้ประกอบการฮาลาลทั้งจากไทย และต่างประเทศกว่า 500 ราย พร้อมกิจกรรม Business Matching, การสัมมนา และเวทีเจรจาธุรกิจแบบเข้มข้นตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 16–18 ก.ค.นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น