"ไอติม" ผู้สมัครสส.เขต8 ไม่เห็นด้วย สื่อโดนแทรกแซง หลังพิธีกรดังโดนปลด - Siamtimes.net

Breaking

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Post Top Ad

Responsive Ads Here

นิทรรศการ งานมหกรรม

การสื่อสาร

วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2562

"ไอติม" ผู้สมัครสส.เขต8 ไม่เห็นด้วย สื่อโดนแทรกแซง หลังพิธีกรดังโดนปลด



"ไอติม" พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้สมัครส.ส.เขตบางกะปิ วังทองหลาง(เฉพาะแขวงพลับพลา) เบอร์ 8 พรรคประชาธิปัตย์ เผย องค์กรอิสระไม่ควรโดนแทรกแซง หลัง อรวรรณ ชูดี ผู้ประกาศช่อง โมเดิร์นไนน์ทีวี ถูกสั่งให้ ยุติการทำหน้าที่พิธีกรรายการ "ดีเบต" 


"อยากให้ประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่เสรีนิยม สิ่งที่สำคัญในระบอบนี้ องค์กรอิสระไม่ควรโดนแทรกแซง เช่น สื่อมวลชน เพราะสื่อมีหน้าที่ตรวจสอบและตั้งคำถามวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง การทำงานของรัฐบาลทุกชุด กรณีนี้เป็นเรื่องน่าสลดใจ สำหรับความแข็งแรงของประชาธิปไตยในประเทศ ยอมรับว่าแปลกใจหลังทราบข่าว ทุกคำถามที่ตั้งมาพิธีกรไม่ได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวเลย เป็นการตั้งคำถามล้วนๆ ยิ่งไปกว่านั้นเป็นการเปิดให้นักศึกษา100 คน จากทั่วประเทศมาแสดงความคิดเห็นสดๆ โดยไม่มีใครรู้คำถามมาก่อนเพราะฉะนั้นทุกอย่างที่ถูกถ่ายทอดในวันนั้นเป็นความคิดเห็นของประชาชน ถ้ารัฐบาลมีท่าที ที่ไม่สามารถรับฟังความคิดเห็นของประชาชนได้ มันเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับประเทศไทย ผมรู้สึกอย่างนั้น" ผู้สมัครหนุ่ม กล่าวหลังเดินหาเสียงในแถวอิมพีเรียลเวิล์ดลาดพร้าว


ทั้งนี้ "รายการดีเบต" "ไอติม" พริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นหนึ่งในแขกรับเชิญที่ร่วมรายการ โดยรายการดังกล่าว อรวรรณ ชูดี ผู้ประกาศโมเดิร์นไนน์ จัดร่วมกับ อ.วีระ ธีรภัทร ภายใต้หัวข้อ "ประชันวิสัยทัศน์ คนรุ่นใหม่ การเมืองไทยในความคิดของคนรุ่นใหม่ ควรเป็นอย่างไร" ออกอากาศทางช่อง โมเดิร์นไนน์ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา


นอกจากนี้ผู้สมัครหนุ่ม วัย 26 ปี ยังชู นโยบายกีฬาเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำในทุกระดับ ตั้งแต่เด็ก เยาวชน จนถึงผู้สูงอายุ หากตนเองได้รับเลือกตั้ง "เรื่องที่รัฐบาลควรสนับสนุน กีฬาเชื่อมโยงหลายด้าน สิ่งแรกคือ อยากเปลี่ยนค่านิยม เด็กที่มีพรสวรรค์นอกห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกีฬา ดนตรี ศิลปะต่าง ๆ ถ้าจะไปถึงจุดนั้นได้ มีสองอย่างที่ต้องเกิดขึ้น สิ่งแรก คือ ทุกโรงเรียนต้องมีอุปกรณ์กีฬา และพื้นที่เพียงพอ ให้เด็กได้เล่นกีฬา ทางออกคือกระจายอำนาจให้กับโรงเรียน สิ่งที่กระทรวงศึกษาจะตัดสินใจเองว่าโรงเรียนต้องการอุปกรณ์ประเภทไหนและให้งบประมาเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม สิ่งที่สองอยากให้มองกีฬาเชื่อมต่อกับเศรษฐกิจ เราต้องพัฒนานักกีฬาให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น มีโครงสร้างที่จะเสริมรายได้ให้กับคนที่เล่นในระดับเยาวชนจะทำให้กีฬาสร้างรายได้และเป็นอาชีพได้กับเยาวชนที่มีพรสวรรค์ด้านนี้มากขึ้น กรสร้างเครือข่ายอคาเดมี่ทั่วประเทศ และยิ่งไปกว่านั้น หากพูดในเรื่องของเศรษฐกิจ เราควรมองกีฬาให้เป็นอุตสาหกรรมกีฬา ไทยสามารถจัดมหกรรมกีฬาในระดับชาติได้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวประเทศเราเห็นได้จากกีฬาประเภทหนึ่ง ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวในเอเชียได้ เช่นกีฬาอีสปอร์ต ทำอย่างไรให้ประเทศเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเกมระดับชาติได้ ในขณะที่กีฬาก็เกี่ยวข้องกับผู้สูงวัย อีกไม่นานนี้ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงอายุเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำอย่างไรให้คนเหล่านี้มีสุขภาพที่แข็งแรง ต้องปลูกฝังให้มีการออกกำลังกายให้ควมสำคัญกับ กีฬาผู้สูงอายุ สามารถหาพื้นที่ออกกำลังกาย และมีชมรมทำกิจกรรมร่วมกันในพื้นที่ เพราะฉะนั้นกีฬาจะเชื่อมโยงหลายด้าน"


สุดท้ายผู้สมัครสส.เขต8 ยังเผยถึงนโยบายด้านการศึกษา ว่าหากตัวเองได้รับความไว้วางใจจากประชาชนจะเข้าไปปฎิรูปทั้งระบบ โดยใช้เทคโนโลยีเข้าไปช่วยสื่อการเรียนการสอน "เราต้องปฎิรูประบบการศึกษาตั้งแต่ต้นจนจบ ที่ผ่านมารัฐลงทุนค่อนข้างน้อย ในระดับการศึกษาปฐมวัย เราต้องสร้างศูนย์เด็กเล็กที่มีคุณภาพทั่วประเทศ เพิ่มจำนวนครูที่ผ่านการฝึกฝนเฉพาะเจาจะจงสอนเด็กอนุบาล ต้องยอมรับว่าครูที่สอนในระดับอนุบาลและสอนมหาวิทยาลัยค่อนข้างแตกต่างกัน เราต้องการปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับโลกอนาคต พอมีเทคโนโลยีเข้ามา เด็กสามารถหาข้อมูลจากบ้านผ่านโทรศัพท์มือถือ แค่เข้าไปอินเทอร์เน็ตก็หาข้อมูลได้แล้ว โรงเรียนไม่ได้เป็นสถานที่ให้ข้อมูลอย่างเดียวต้องเป็นพื้นที่ๆฝึกทักษะให้ครูฝึกทักษะให้คิดวิเคราะห์มีทักษะการสื่อสารทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทักษะความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการทำงานเป็นทีม สิ่งตรงนี้จะเป็นจริง ขึ้นอยู่กับครูใช้เวลาทุกนาทีกับเด็กนักเรียน ในความเป็นจริงทุกวันนี้ครูใช้เวลาหมดไปกับงานธุรการเอกสาร เราจะนำเทคโนโลยีมาลดการทำงานด้านเอกสาร เพื่อคืนครูให้กับนักเรียน และปรับวิธีการประเมินผลคะแนนของนักเรียน นักศึกษา"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad

Responsive Ads Here