กว่า 40 ปีที่รอคอย ความหวังของราษฎรบ้านแก้งกะอามเริ่มเป็นรูปธรรม เมื่อกรมชลประทานได้ดำเนินการศึกษาวิเคราะห์กระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยหลัว จังหวัดกาฬสินธุ์ - Siamtimes.net

Breaking

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Post Top Ad

Responsive Ads Here

นิทรรศการ งานมหกรรม

การสื่อสาร

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

กว่า 40 ปีที่รอคอย ความหวังของราษฎรบ้านแก้งกะอามเริ่มเป็นรูปธรรม เมื่อกรมชลประทานได้ดำเนินการศึกษาวิเคราะห์กระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยหลัว จังหวัดกาฬสินธุ์



บ้านแก้งกะอาม เป็นหมู่บ้านที่อยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาภูพาน ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก จึงทำให้เพาะปลูกพืชได้เพียงปีละครั้ง อีกทั้งบางปีที่ฝนทิ้งช่วงก็ทำให้นาข้าวได้รับความเสียหาย ได้ผลผลิตไม่เต็มที่ จึงได้รวมตัวกันร้องขอต่อนายกรัฐมนตรีให้สร้างอ่างเก็บน้ำผาเสวยตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 


กรมชลประทานได้ดำเนินการศึกษาวางโครงการพบว่า สามารถที่จะพัฒนาเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางได้ โดยสร้างเขื่อนกั้นลำห้วยหลัวที่บริเวณหมู่ที่ 6 บ้านแก้งกะอาม ต.ผาเสวย สามารถเก็บกักน้ำ ได้ประมาณ 8.27 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจากพื้นที่หัวงานและอ่างเก็บน้ำอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูพานซ้อนทับป่าสงวนแห่งชาติแก้งกะอาม จำนวน 839 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สงวนไว้เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญ กรมชลประทานจึงได้ว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA เพื่อศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ครบถ้วน รอบด้าน 


โดยดำเนินการตามแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาแหล่งน้ำของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ซึ่งครอบคลุมประเด็นทรัพยากรทางด้านกายภาพ ทรัพยากรทางด้านชีวภาพ คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และคุณภาพชีวิต พร้อมทั้งเสนอมาตรการที่จะป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการให้มีน้อยที่สุดหรืออยู่ในระดับที่ยอมรับได้


โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยหลัว จะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับพื้นที่ชลประทานในฤดูฝน 4,695 ไร่ และฤดูแล้ง 1,403 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 9 หมู่บ้าน ในเขต 2 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลผาเสวย จำนวน 8 หมู่บ้าน และเทศบาลตำบลลำห้วยหลัว จำนวน 1 หมู่บ้าน โดยจะส่งน้ำให้กับพื้นที่ของราษฎรผ่านคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย และคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับการปลูกข้าวในช่วงที่ฝนทิ้งช่วง ทำให้ผลผลิตมากขึ้น ส่วนในฤดูแล้งราษฎรยังสามารถที่จะเพาะปลูกพืชใช้น้ำน้อย อาทิ แตงโม พืชผัก ในฤดูแล้งได้อีกด้วย ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับราษฎรให้มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 


นอกจากนี้อ่างเก็บน้ำห้วยหลัวยังเป็นแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภค และมีผลประโยชน์ทางอ้อมต่อทรัพยากรธรรมชาติบริเวณพื้นที่รอบๆ โครงการอีกด้วย ช่วยให้ลำน้ำห้วยหลัวมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูแล้ง ทำให้ระบบนิเวศน์ในน้ำ เช่น แพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ มีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น และนอกจากนี้ยังสามารถปล่อยน้ำให้กับน้ำตกแก้งกะอามในช่วงสงกรานต์เพื่อสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่ได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโครงการก็ส่งผลกระทบต่อราษฎรที่อยู่อาศัยและทำกินอยู่ในบริเวณพื้นที่หัวงานและอ่างเก็บน้ำ จำนวน 50 ราย ซึ่งมีความยินดีที่จะเสียสละพื้นที่เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม และราษฎรที่มีพื้นอยู่ตามแนวคลองส่งน้ำอีกประมาณ 104 ราย ซึ่งหากมีการพัฒนาโครงการกรมชลประทานจะต้องดำเนินการชดเชยความเสียหายให้กับผู้ได้รับผลกระทบด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส 


ในด้านผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติพบว่า พื้นที่หัวงานและอ่างเก็บน้ำอยู่ในบริเวณชายขอบของอุทยานแห่งชาติภูพาน ซึ่งมีสภาพเป็นพื้นที่การเกษตรประมาณ 342 ไร่ และพื้นที่ที่มีสภาพเป็นป่าไม้ 524 ไร่ ซึ่งเป็นป่าเต็งรัง พบพรรณไม้จำพวก ไม้เต็ง รัง ประดู่ ตะแบก แดง ติ้ว ไม่พบพรรณพืชที่เป็นพืชหายาก หรือพืชที่อยู่ในสถานภาพใกล้ สูญพันธุ์ ส่วนด้านสัตว์ป่า จากการสำรวจส่วนใหญ่จะพบสัตว์จำพวกนกมากที่สุด เช่น นกกินปลีอกเหลือง เหยี่ยวปีกแดง นกตะขาบทุ่ง เป็นต้น รองลงมาได้แก่ สัตว์เลื้อยคลาน เช่น จิ้งเหลนหลากลาย กิ้งก่า งูต่างๆ และสัตว์เลี้ยง ลูกด้วยนมขนาดเล็กซึ่งพบเห็นได้ทั่วไป เช่น หนูพุกใหญ่ หนูท้องขาว กระแต กระจ้อน เป็นต้น ไม่พบสัตว์ป่าที่มีสถานภาพเป็นสัตว์ป่าสงวน ซึ่งก่อนที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการจะได้มีการอพยพช่วยเหลือสัตว์ป่าออกจากพื้นที่ก่อน 


โดยในการศึกษาวิเคราะห์กระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยหลัว ได้จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการ ทั้งในระยะก่อสร้างโครงการ ระยะดำเนินการโครงการ งบประมาณจำนวน 46 ล้านบาท แบ่งเป็นแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน 14 แผนงาน และแผนติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน 12 แผนงาน งบประมาณค่าก่อสร้างเขื่อนและระบบส่งน้ำรวมทั้งสิ้นประมาณ 625.60 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad

Responsive Ads Here