เดซติเนชั่น แคปปิตอล ดัน DESCAP I ซื้อธุรกิจโรงแรมเน้นการอนุรักษ์พลังงาน - Siamtimes.net

Breaking

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Post Top Ad

Responsive Ads Here

นิทรรศการ งานมหกรรม

การสื่อสาร

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เดซติเนชั่น แคปปิตอล ดัน DESCAP I ซื้อธุรกิจโรงแรมเน้นการอนุรักษ์พลังงาน

List of people in the picture
  1. Mr. Natthapong Na Ranong, CEO of KTB Securities (Thailand) PCL (Left)
  2. Mr. James A. Kaplan, CEO of Destination Capital PTE. LTD. (Middle)
  3. Mr. Thotsaporn Pornvattanasirikul, REIT Trustee Department Director of MFC Asset Management Public Company Limited (Right)


กรุงเทพมหานคร-ประเทศไทย 18 พฤศจิกายน 2563 เดซติเนชั่น แคปปิตอล ประกาศทิศทางกองทรัสต์ Descap I ตะลุยซื้อธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย โดยกองทุนนี้จะเข้าลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่ได้รับการออกแบบตามมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงาน และมีการจัดการธุรกิจบนหลักของความยั่งยืน โดยใช้แพลทฟอร์ม EDGE เป็นมาตรฐานในการประเมิน รวมทั้งจะก้าวเข้ามาสนับสนุนการทำงานเพื่อความยั่งยืนในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ทั้งนี้ มาตรฐาน EDGE หรือ Excellence in Design for Greater Efficiencies คือมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงาน ที่ถูกออกแบบบนแนวคิดของอาคารสีเขียว และมีนวัตกรรมในการรับรองมาตรฐานความเป็นเลิศในการออกแบบอาคาร ปัจจุบันมาตรฐาน EDGE ได้ดำเนินการแล้วในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก

เป้าหมายของกองทรัสต์ Descap I คือการระดมทุน เพื่อนำไปลงทุนต่อยอดในธุรกิจโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไปในย่านสำคัญต่างๆในประเทศไทย แต่ละโรงแรมจะนำมาตรฐาน EDGE มาใช้ เพื่อให้ได้รับใบประกาศรับรอง “มาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงาน” ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการของโรงแรมบางแห่งอาจมีการปรับโฉมแบรนด์ใหม่ และยกตำแหน่งทางการตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับนักลงทุนในรูปแบบของผลกำไร โดยกองทุน Descap I นี้ถือเป็นการต่อยอดประสบการณ์ธุรกิจของกลุ่มเดซติเนชั่น ที่ดำเนินมากว่า 24 ปีในประเทศไทย ทั้งการเข้าซื้อกิจการ การบริหาร และการขายธุรกิจโรงแรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน

“เดซติเนชั่น แคปปิตอล กับแนวทางในการลงทุนในโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน EDGE นั้น จะช่วยให้กองทุน Descap I มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และจะสร้างความต่างให้กับโรงแรมของเราและ โดยจะมีกระบวนการคิดและจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และปรับปรุงกระบวนการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในกิจกรรมต่างๆของโรงแรม” มร.เจมส์ เอ แคพแลน, ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท เดซติเนชั่น แคปปิตอล กล่าว

เดซติเนชั่น แคปปิตอล มองเห็นโอกาสในการปรับปรุงโรงแรมให้เดินหน้าสู่มาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำเทคโนโลยี Green EDGE และระบบการจัดการต่างๆมาปรับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์หลังการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ การนำมาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ จะช่วยสร้างความมั่นใจ และสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการของลูกค้า ทั้งในด้านความปลอดภัย และความสะอาดถูกหลักอนามัย

“สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้ระหว่างช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คือ เราได้เห็นว่าสิ่งแวดล้อม และธรรมชาติของเรากลับมาฟื้นตัวได้รวดเร็วแค่ไหน แม้จะผ่านการจัดการทรัพยากรต่างๆที่ไม่ถูกต้องแบบที่เคยเป็นมา การใช้ระบบมาตรฐานการจัดการ EDGE จะช่วยสนับสนุนธุรกิจในอุตสาหกรรมโรงแรม ให้เกิดการจัดการที่ดี บนพื้นฐานของการดูแลสภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติให้ดียิ่งขึ้น และยังสร้างการตระหนักรู้ในเรื่องของสภาวะโลกร้อน และลดทอนปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม” มร.แคพแลนกล่าว และบอกอีกว่า “เราจะดำเนินโครงการจัดการทรัพยากรน้ำ ลดการใช้ ลดการสร้างขยะ และลดการใช้พลังงาน และพยายามลดการใช้พลาสติกให้ได้มากที่สุด”

เดซติเนชั่น แคปปิตอล วางแผนจะลงทุนในอาคารโรงแรมที่ปฏิบัติตามมาตรฐาน EDGE บนความเชื่อที่ว่า การทำธุรกิจที่ดีไม่ใช่เพียงดูจากความสามารถในการคืนทุนในระยะเวลาอันสั้น หากแต่การได้รับการยอมรับจากนักลงทุนและทำให้พวกเขาก้าวเข้ามามีส่วนร่วมกับแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บนพื้นฐานของความยั่งยืน และยังประโยชน์แก่ชุมชนและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ก็ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

นวัตกรรมในการรับรองมาตรฐานความเป็นเลิศในการออกแบบอาคารเพื่อประสิทธิภาพสำหรับตลาดเกิดใหม่ของบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มธนาคารโลก จะเป็นมาตรฐานหนึ่งที่จะช่วนให้ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถดำเนินกิจการบนแนวทางสีเขียว ที่ทำได้ง่าย รวดเร็ว และเป็นรูปธรรม

“Descap I จะเป็นกองทุนโรงแรมแห่งแรกที่นำหลักการของ EDGE มาพิจารณาประกอบการลงทุน หรือเข้าซื้อกิจการ” Prashant Kapoor ผู้เชี่ยวชาญมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงานของบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) กล่าว พร้อมกับบอกว่า “ความสำเร็จของการสร้างมาตรฐานการรับรอง EDGE ในวันนี้ จะเติบโตต่อไปพร้อมกับความพยายามที่จะปรับเปลี่ยนอาคารต่างๆบนทิศทางนี้ เพื่อหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงและปัญหาของสภาพภูมิอากาศ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad

Responsive Ads Here