PMH นำนวัตกรรมไทย บุกตลาดโลกด้วยแบรนด์ POMO - Siamtimes.net

Breaking

  

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Post Top Ad

นิทรรศการ งานมหกรรม

การสื่อสาร

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563

PMH นำนวัตกรรมไทย บุกตลาดโลกด้วยแบรนด์ POMO

Responsive Ads Here
anigif

กรุงเทพ : PMH Holding (พีเอ็มเอช โฮลดิ้ง) สตาร์ทอัพไทยด้าน IOT รายแรกที่สามารถนำสินค้าภายใต้ชื่อแบรนด์ POMO เข้าสู่ตลาดโลกได้สำเร็จ ซึ่งขณะนี้มีผู้ใช้มากกว่า 3 แสนราย ในกว่า 20 ประเทศ ถือว่าเป็นการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งการขยายตลาดไปยังต่างประเทศและการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงบริการใหม่ๆที่น่าสนใจออกมาอีกด้วย


จากจุดเริ่มต้นที่ได้ทำการเปิดตัวบริษัท เมือประมาณในเดือน พฤษภาคม 2015 จนมาถึงตอนนี้ เป็นเวลาเกือบห้าปีเต็มแล้ว ที่บริษัทของเราได้ขยายอย่างมากในต่างประเทศ โดยบริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆต่อยอดออกมาสู่ตลาดหลากหลายรุ่น ซึ่งทำให้เราได้รับการยอมรับในตลาดโลกเป็นผลสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา

_MG_0141

นายฉัตรชัย ตั้งจิตตรง CEO/Co Founder บริษัท PMH Holding Co.ltd (พีเอ็มเอช โฮลดิ้ง จำกัด) ได้เปิดเผยว่า
“สำหรับแบรนด์ POMO นั้นเราได้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 โดยเริ่มจากการทำการตลาดในประเทศไทย ซึ่งภายหลังในปี 2017 เรามองเห็นโอกาสของธุรกิจในหลายประเทศในทวีปอเมริกา จึงได้ทำการจัดตั้งบริษัท POMO HOUSE INTERNATIONAL LLC ในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อความคล่องตัวในการทำงานและการขยายตัวของบริษัทในตลาดในทวีปอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างเสี่ยงมาก เพราะหลังจากการตัดสินใจครั้งนั้นทำให้เราต้องลดการทำการตลาดและทีมงานในประเทศซึ่งเคยเป็นรายได้หลักของบริษัทและทุ่มทีมงานเกือบทั้งหมดไปพัฒนาสินค้าให้ได้มาตราฐานและการยอมรับจากทั้งลูกค้าและคู่ค้าในต่างประเทศ ณ. เวลานี้เราค่อนข้างประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ในหลายๆประเทศในทวีปอเมริกา โดยขณะนี้สัดส่วนการขายของบริษัทจากสหรัฐอเมริกานั้นมีสัดส่วน ประมาณ 60% เมกซิโก 25% ส่วนที่เหลือ 15% จะมาจากประเทศอื่นๆ โดยในปี 2563 เราได้ผลิตสินค้าไปประมาณ 40,000 ชิ้น 

_MG_0132

โดยในปี 2563 ทางบริษัทได้มีการร่วมพัฒนา ระบบ Platform IoT ทางด้านสุขภาพ (Life Connect) โดยมุ่งเน้นไปที่การดูแลผู้สูงอายุเป็นหลัก และเรื่องที่เราภูมิใจคือ Platform ของเราได้ถูกใช้ใน เพื่อช่วยในการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยอัลไซเมอร์ กว่า 30 แห่ง ในรัฐฟลอริดา ประเทศอเมริกา ในโครงการดูแลผู้สูงอายุ Grand Villa Senior Living ซึ่งแต่ละแห่งมีผู้สูงอายุ 60-70 คน โดยเราจะติดตามเรื่องข้อมูลสุขภาพ เรื่องของความปลอดภัย ในกรณีที่ผู้สูงอายุเป็นอัลไซเมอร์ออกไปจากศูนย์ก็ติดตามตัวได้ และมีเครื่องมือในการขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินได้ ซึ่งมีการเซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อย และใช้งานจริงแล้วในเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา

และอีกหนึ่งโครงการคือ การใช้ Platform POMO Life Connect ในโครงการ Hotel Bubble เพื่อช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งอยู่ในเครือสหราชอาณาจักร ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 เนื่องจากในโซนหมู่เกาะเคย์เมน และ คาริบเบี้ยน ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวในช่วงโควิดระบาด เราจึงได้เสนอโปรเจคนี้ไปและได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาที่เกาะ จะได้รับริสต์แบนด์ของ POMO ที่ต้องใส่ในระหว่างกักตัว เพื่อที่จะสามารถประเมินผลด้านสุขภาพได้ตลอดเวลา โดยในระหว่าง 14 วันช่วง Quarantine นักท่องเที่ยวจะสามารถย้ายโรงแรมที่พักได้ แต่ต้องเป็นโรงแรมที่อยู่ในโครงการ bubble hotel ซึ่งใน Phase แรกจะมีทั้งหมด 6 โรงแรม และพอครบ 14 วันก็ต้องตรวจหาเชื้อโควิดอีกรอบ ถ้าไม่พบเชื้อก็สามารถเดินทางเข้าพื้นที่ส่วนอื่นๆในประเทศได้ ซึ่งตอนนี้ได้มีการเริ่มเฟสทดลองไปแล้วเมื่อ 1 พ.ย. ซึ่งเดือนหน้านี้เราต้องส่งไปทั้งหมด 5,000 เครื่อง ไปจนถึงครึ่งปีหน้าประมาณ 30,000 เครื่อง

สำหรับเมืองไทยเราได้รับการสนับสนุนที่ดีจาก DEPA หรือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งในตอนนี้เราได้มีการเริ่มใช้โมเดลเดียวกันนี้ กับผู้ประกอบการการท่องเที่ยวทางเรือในจังหวัดภูเก็ตเราเซ็น MOU ความร่วมมือกับบริษัท โฟล คอร์ปอเรชั่น จำกัดที่ ที่ดูแลโครงการ Smart Port ที่ท่าเรืออ่าวปอ จ.ภูเก็ต เพื่อเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวบางส่วนที่กำลังจะเดินทางเข้ามา โดยหลักการคือ นักท่องเที่ยวจะนำเรือข้ามน่านน้ำมาในประเทศไทย หลังจากนั้นทางจังหวัดกับท่าเรือจะส่งทีมแพทย์ขึ้นไปตรวจสุขภาพ เราก็ทำเป็นริสแบนด์ไปให้นักท่องเที่ยวสวมตลอดเวลาช่วงระหว่างการ Quarantine ซึ่งเราจะมีการตรวจจับเรื่องสุขภาพและอุณหภูมิของร่างกายเขาตลอดเวลาว่ามีไข้หรือไม่ แล้วรายงานข้อมูลผ่านระบบ IoT ของทางเราเข้ามาที่ทีมแพทย์หรือคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากจังหวัดให้ดูแลข้อมูล ซึ่งระบบนี้ก็จะสามารถช่วยในเรื่องความปลอดภัยด้านสุขภาพของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้มากขึ้น และมีความแม่นยำในการตรวจสอบได้ง่าย

POMO_B

หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับบริษัทพาร์ตเนอร์ในอเมริกาและยุโรป ปีนี้คงถึงเวลาที่เราจะกลับมาโฟกัสตลาดในเมืองไทย โดยเราได้นำเอา Technology ที่เราได้เรียนรู้มาในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมาพัฒนาเป็น product ใหม่ๆอีกหลายตัว โดยเราจะเริ่มมีการทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ภายใต้แบรนด์ POMO เริ่มจาก รุ่น W4x ซึ่งถือเป็นสมาร์ทวอช ติดตามตัวสำหรับเด็กรุ่นล่าสุด โดยมีฟังก์ชั้นที่น่าสนใจหลักๆคือ
  -Heart rate แสดงอัตราการเต้นของหัวใจของคนที่คุณรักอย่างแม่นย 24/7 เทคโนโลยี Quick touch ช่วยให้คุณดึงการอ่านอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อให้แน่ใจว่าหัวใจ แข็งแรงและสุขภาพดีเสมอ
  -Blood Pressure ความดันโลหิต ตรวจจับการไหลเวียนของเลือดตลอดทั้งวันและบันทึกไว้ในแอปเพื่อให้คุณมีข้อมูลในเพื่อพัฒนาสุขภาพ ของเด็กๆให้ดีขึ้น
  -Sleep tracking ติดตามการนอนหลับ มีการติดตามการนอนหลับอัตโนมัติและแม่นยำ และจะให้ภาพรวมของการนอนหลับ เพื่อพัฒนาคุณภาพการนอนหลับและสร้างนิสัยการนอนหลับที่ดีสำหรับลูกๆของคุณ
  -FITNESS การออกกำลังกาย สร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆด้วยฟีเจอร์การออกกำลังกาย ฟีเจอร์นี้จะนับและติดตามจำนวนก้าว ของลูกทุกวันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและสุขภาพที่ดีของร่างกาย

***ราคาจำหน่าย 6,990 บาท***

20354

สำหรับแผนการตลาดต่อจากนี้คือ การสร้างการรับรู้ผ่านทางโซเชี่ยลมีเดีย รวมไปถึงจับมือกับพาร์ทเนอร์โดยจะเน้นที่ Tech Startup ต่างๆ ในประเทศในการพัฒนาระบบ eco system ในเรื่อง Health Tech ให้มีขนาดตลาดที่ใหญ่มากขึ้น โดยเบื้องต้น จะมีการร่วมมือกันในการพัฒนา AI เพื่อทำ Health Scoring ให้กับผู้ใช้งานอุปกรณ์ของทาง POMO เป็นต้น เรื่องการเติบโตของธุรกิจของบริษัทในปีหน้า เรายังคงเน้นการขยายขนาดในประเทศอเมริกา เมกซิโก และไทยต่อไปในปีหน้าจะเริ่มเปิดตลาดในยุโรปเพิ่ม โดยจะพยายามที่จะเน้นให้มีการรับรู้ในแบรนด์ว่ามาจากประเทศไทย เพื่อเป็นการช่วยเปิดตลาดให้เทคสตาร์ทอัพจากประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล” คุณฉัตรชัยกล่าวทิ้งท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad