ดีอีเอส เปิดผลงานศูนย์เฟคนิวส์ใน 1 ปี เน้นให้ประชาชนรู้เท่าทันข่าวปลอม   - Siamtimes.net

Breaking

Post Top Ad

Responsive Ads Here

Post Top Ad

Responsive Ads Here

นิทรรศการ งานมหกรรม

การสื่อสาร

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ดีอีเอส เปิดผลงานศูนย์เฟคนิวส์ใน 1 ปี เน้นให้ประชาชนรู้เท่าทันข่าวปลอม  


    ***“พุทธิพงษ์” สรุปตัวเลขข่าวปลอมส่งท้ายปี 63 พบจำนวนข่าวที่ต้องคัดกรองกว่า 39 ล้านข้อความ และเข้าเกณฑ์ตรวจสอบ 7,420 เรื่อง ขณะที่เพจอาสาจับตาออนไลน์ ได้ใจประชาชนมีจำนวนแจ้งเบาะแสเฉลี่ยวันละ 280 เรื่อง โดย 3 อันดับแรกที่มีการแจ้งเข้ามามากที่สุด ได้แก่ ความมั่นคง, ความมั่นคง/การเมือง และพนันออนไลน์ โชว์ผลงานไตรมาส 4 ปิดเว็บพนันแล้ว 299 ยูอาร์แอล เงินหมุนเวียนกว่า 35,000 ล้านบาท ประกาศชวน 4 หน่วยงานในสังกัดเตรียมมอบบริการฟรี และส่วนลดค่าบริการเป็นของขวัญปี 64 สำหรับประชาชน ***

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานกิจกรรมแถลงข่าว 1 ปี กับผลการดำเนินงานโครงการศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวปลอม (Anti Fake News Center) โดยมี ผู้บริหารกระทรวง ดีอีเอส ศปอส.ตร. และ นายมรกต เธียรมนตรี รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ร่วมในการแถลงข่าว ที่ ห้อง Ballroom (บอลรูม) โรงแรม Park hyatt Bangkok (พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ)


นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวแถลงผลการดำเนินงานของกระทรวงฯ ในการปราบปรามข่าวปลอม และเว็บไซต์/สื่อสังคมออนไลน์ผิดกฎหมาย วันนี้ (22 ธ.ค.63) ว่า
ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย ได้รวบรวมข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.62 – 18 ธ.ค. 63 พบว่า มีข้อความข่าวที่ต้องคัดกรองทั้งหมด 39,209,284 ข้อความ โดยมีข้อความข่าวที่เข้าเกณฑ์ดำเนินการตรวจสอบ 20,829 ข้อความ และหลังจากคัดกรองพบจำนวนเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 7,420 เรื่อง โดยช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุดอันดับ 1 คือ การสนทนาบนโลกออนไลน์ที่เป็นกระแสเกี่ยวกับข่าวปลอม (Social Listening Tools) พบจำนวน 38,956,319 ข้อความ คิดเป็นสัดส่วนถึง 99.35% รองลงมาคือ บัญชีไลน์ทางการ เฟซบุ๊กเพจ และเว็บไซต์ทางการของศูนย์ฯ ตามลำดับ... 

...ทั้งนี้ เมื่อแยกประเภทข่าวที่ต้องตรวจสอบ 7,420 เรื่อง มากกว่าครึ่ง หรือ 56% เป็นข่าวในหมวดสุขภาพ มีจำนวน 4,190 เรื่อง ตามมาด้วยหมวดนโยบายรัฐ 2,809 เรื่อง คิดเป็น 38% หมวดเศรษฐกิจ 266 เรื่อง คิดเป็น 4% และหมวดภัยพิบัติ 155 เรื่อง หรือประมาณ 2% ขณะที่ สัดส่วนข่าวปลอม ข่าวจริง และข่าวบิดเบือนในรอบปี 63 อยู่ที่อัตรา 7 ต่อ 2 ต่อ 1 สามารถดูจำนวนยอดผู้ติดตามตามช่องทางต่าง ๆ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 สูงสุดทางเว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com มียอดผู้เข้าชมจำนวน 4,161,914 ผู้รับชม รองลงมาทางช่องทางช่องทางไลน์ที่ Line@antifakenewscenter มียอดผู้ติดตามจำนวน 2,391,281 ผู้ติดตาม ช่องทาง Facebook: Anti-Fake News Center มียอดผู้ติดตามจำนวน 68,324 ผู้ติดตาม ช่องทาง Twitter @AfncThailandมียอดผู้ติดตามจำนวน 7,996 ผู้ติดตามศูนย์รับแจ้งข่าวปลอม (สป.ดศ.) สายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 โดยมีเครือข่ายผู้ประสานงานภาครัฐ องค์กรอิสระ เพื่อดำเนินงานภายใต้กรอบการทำงานของศูนย์ประสานงานฯ จำนวนไม่น้อยกว่า 400 คน ในการตรวจสอบข้อมูลข่าวปลอม


นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า
ด้านเพจ “อาสา จับตา ออนไลน์” โดย ศูนย์เฝ้าระวังการคุกคามทางไซเบอร์ หรือ Cyber Security Operation Center (CSOC) กับ DE มีการแจ้งเบาะแสเว็บ/สื่อสังคมออนไลน์ผิดกฎหมายเข้ามา ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.-17 ธ.ค. 63 รวมทั้งสิ้น 39,300 เรื่อง หรือเฉลี่ยวันละ 280 เรื่อง โดยหลังจากตรวจสอบข้อมูล มีการเก็บหลักฐานนำส่งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องตวจสอบและดำเนินการ 16,048 เรื่อง คิดเป็น 41% ส่วนอีก 23,222 เรื่อง หรือ 59% การตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบยูอาร์แอล/หลักฐาน โดยสาเหตุส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีการลบโพสต์หรือยูอาร์แอลนั้นไปก่อนแล้วเนื่องจากเกรงกลัวการบังคับใช้กฎหมาย 

ในส่วนที่มีการเก็บหลักฐานและส่งดำเนินการตามกฎหมาย พบว่า เป็นประเภทความผิด ด้านความมั่นคง 42.72% จำนวน 6,855 เรื่อง ตามมาด้วย ความมั่นคง/การเมือง 26.43% จำนวน 4,241 เรื่อง, การพนันออนไลน์ 17.73% จำนวน 2,845 เรื่อง, อื่นๆ 10.94% จำนวน 1,756 เรื่อง , การหลอกลวง 1.19% จำนวน 191 เรื่อง, ข่าวปลอม 0.63% จำนวน 101 เรื่อง และลามก 0.37% จำนวน 59 เรื่อง สำหรับการแจ้งเตือนแพลตฟอร์มต่างๆ ตามมาตรา 27 แห่ง พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ ได้ดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้น 7 ครั้ง จำนวน 8,443 ยูอาร์แอล แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก 5,494 ยูอาร์แอล โดยปิดกั้นแล้ว 3,107 ยูอาร์แอล, ยูทูบ 1,755 ยูอาร์แอล ปิดกั้นแล้ว 1,722 ยูอาร์แอล, ทวิตเตอร์ 674 ยูอาร์แอล ปิดกั้นแล้ว 63 ยูอาร์แอล และอื่นๆ จำนวน 520 ยูอาร์แอล ปิดกั้นแล้ว 133 ยูอาร์แอล...


...นอกจากนี้ ที่ผ่านมากระทรวงฯ ขานรับนโยบายรัฐบาลในการรุกกวาดล้างเครือข่ายการพนันออนไลน์อย่างจริงจัง โดยตั้งแต่เดือน ก.ค. 63 ถึงปัจจุบัน ได้ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เร่งดำเนินการจนสามารถสืบสวน และดำเนินการจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ มีคำสั่งศาลให้ระงับการแพร่หลายข้อมูลการพนันแล้ว จำนวน 1,711 ยูอาร์แอล ขณะที่ ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ผลการปฏิบัติการปิดกั้นเว็บการพนันออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. – 17 ธ.ค. 63 ได้ดำเนินการปิดกั้นแล้ว 299 ยูอาร์แอล จับกุมผู้ต้องหาได้ 143 ราย คิดเป็นมูลค่าเงินหมุนเวียนกว่า 35,000 ล้านบาท

การทำงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เน้นบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วน ในการตรวจสอบและเผยแพร่ข่าวที่ถูกต้องแก่ประชาชน และได้ร่วมกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT) (ศปอส.ตร.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมทุกกลยุทธ์เพื่อให้ประชาชนคนไทยรู้เท่าทันสื่อลวง ทั้งในแง่ของการจัดการกับข่าวปลอม และการปราบปรามดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย โดยเน้นข่าวที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 4 กลุ่มข่าว คือ กลุ่มภัยพิบัติ กลุ่มเศรษฐกิจ กลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพ และกลุ่มนโยบายรัฐบาล 


ดังนั้นเพื่อให้มีการใช้สื่อออนไลน์อย่างรู้เท่าทัน และสร้างสรรค์ สามารถรับข้อมูลที่ถูกต้องผู้บริโภคควรเลือกเสพข่าวจากหลายช่องทาง และอยากรณรงค์ให้ประชาชนใช้วิธีการ 12 ข้อดังต่อไปนี้ ในการตรวจสอบข่าวปลอม ได้แก่ 
  1. อ่านข่าวทั้งหมดโดยไม่เชื่อพาดหัวข่าวเพียงอย่างเดียว 
  2. ตรวจสอบ URL ของเว็บไซต์ที่นำมาเผยแพร่ 
  3. ตรวจสอบแหล่งที่มาตัวตนของผู้เขียน 
  4. ดูความผิดปกติของตัวสะกดภาษาที่ใช้หรือการเรียบเรียง  
  5. พิจารณาภาพประกอบข่าว 
  6. ตรวจสอบวันที่ของการเผยแพร่ข่าว 
  7. ตรวจสอบแหล่งข้อมูลที่ผู้เขียนนำมาใช้ 
  8. หาข้อมูลเปรียบเทียบกับเว็บไซต์อื่น 
  9. ตรวจสอบว่าข่าวสารที่ส่งต่อกันมามีวัตถุประสงค์ใด 
 10. พิจารณาความสมเหตุสมผลของข่าว 
 11. ตรวจสอบอคติของตนเอง 
 12. หากมีคำถามหรือข้อสงสัยควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ


รมว.ดีอีเอส กล่าวเพิ่มเติมว่า
ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2564 ที่จะมาถึงนี้ กระทรวงฯ ชวนให้ 4 หน่วยงานในสังกัด ได้แก่ กรมอุตุนิยมวิทยา, บมจ.ทีโอที, บมจ.กสท โทรคมนาคม และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จัดเตรียมของขวัญจำนวน 9 โครงการ เพื่อมอบให้กับประชาชน โดยมีทั้ง บริการแจ้งเตือนภัยธรรมชาติผ่านเอสเอ็มเอส/ข่าวสารอุตุฯ โปรฯฟรีค่าโทรและไวไฟ ส่วนลดเติมเงินมือถือ ส่ง ส.ค.ส.ฟรีทางไปรษณีย์ และส่วนลด 20% สำหรับการซื้อสินค้าผ่าน www.thailandpostmart.com ครบทุก 500 บาท พร้อมส่งฟรีทั่วไทย เป็นต้น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad

Responsive Ads Here